รวม วิธีรักษาหน้าผิวไหม้แดด แบบเร่งด่วน พร้อมการดูแลเบื้องต้นก่อนรักษา
ขึ้นชื่อว่าประเทศไทยก็มักจะต้องนึกถึงแดดร้อน แดดจัดๆ กันอย่างแน่นอนเพราะถือเป็นอีกหนึ่งที่ทำให้สาวๆ หลายคนต่างพากันกังวลใจกันอย่างมาก เพราะนอกจากจะทำให้ผิวคล้ำขึ้นแล้วยังส่งผลให้สาวๆ หลายคนเกิดผิวไหม้ได้อีกด้วย ดังนั้นในบทความนี้เราจะขอมาป้ายยาแจกวิธีช่วยกู้ผิวไหม้จากแสงแดดกันว่าจะมีวิธีไหนบ้าง พร้อมกับเจาะลึกกันว่าสาเหตุของผิวไหม้นั้นเกิดมาจากอะไรบ้าง
อาการหน้าไหม้แดด เป็นอย่างไร?
อาการผิวไหม้แดดนั้นแต่ละคนจะมีการแสดงอาการออกมาไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของแต่ละคน โดยบริเวณที่มักพบอาการผิวไหม้ได้บ่อยๆ ได้แก่ ใบหน้า แผ่นหลัง บริเวณแขน ขา เท้า เป็นต้น และโดยส่วนใหญ่แล้วอาการผิวไหม้แดดที่มักพบได้บ่อยๆ จะมีดังนี้
- เกิดรอยแดง
- เกิดรอยดำ
- อาการบวม
- อาการแสบผิว
- อาการคันผิว
- ผิวลอก
- เกิดรอยดำเช่น ฝ้าแดด กระแดด
- เกิดแผลพุพอง
อาการผิวไหม้มีกี่ระดับ
ปัจจุบันอาการผิวไหม้สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับตามความรุนแรงของการอาการอักเสบของผิว โดยแต่ละระดับมีความแตกต่างกัน ดังนี้
- ระดับ 1
จะมีลักษณะอาการคือผิวแดง มีอาการเจ็บหรือแสบผิวเพียงเล็กน้อยถือเป็นระยะที่ไม่มีความรุนแรงมาก และสามารถหายไปได้เองภายใน 3-5 วัน - ระดับ 2
ระดับนี้ผิวจะมีความเสียหายถึงระดับชั้นหนังแท้ ส่งผลทำให้มีอาการคือแสบผิว คันผิว ซึ่งในบางรายอาจมีอาการผิวลอกเล็กน้อย ถือเป็นอาการที่จะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 5-7 วันด้วยทาครีมบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้น - ระดับ 3
ถือเป็นระดับที่แรงที่สุดที่สามารถพบได้น้อยมากๆ ซึ่งเป็นระดับที่สามารถทำลายปลายประสาทได้อีกด้วย โดยจะมีอาการคือปวดแสบ ปวดร้อน ร่วมกับมีอาการแดงและคันผิว ในบางรายอาจมีตุ้มน้ำใสๆ หรือเกิดผิวลอกที่เยอะ ซึ่งหากมีอาการเช่นนี้แนะนำให้พบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน แต่โดยส่วนใหญ่ผิวไหม้ระยะนี้มักเกิดขึ้นจากการถูกสารเคมีมากกว่าแสงแดด
การรักษาผิวไหม้แดดเบื้องต้น ด้วยตัวเอง
1. ประคบเย็นผิวที่โดนแดด
การประคบเย็นถือเป็นวิธีการช่วยแก้ปัญหาและปรับผิวที่ร้อนจากโดนแดดทำร้ายให้เย็นลงได้อย่างทันที โดยวิธีนี้จะใช้น้ำแข็ง เจลเย็น หรือผ้าชุบน้ำเย็นมาประคบผิวแล้วทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาทีหลังจากที่ออกแดดทันที ซึ่งจะทำให้ช่วยลดอาการปวดแสบร้อน อาการผิวแดงได้ดีมากๆ
2. ใช้ว่านหางจระเข้ทาผิวไหม้แดด
ว่านหางจระเข้ถือเป็นพืชสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นทำให้สามารถช่วยปลอบประโลมผิว ช่วยลดอาการอักเสบ และสามารถช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีมากๆ จึงทำให้ว่านหางจระเข้ถือเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้ในการรักษาอาการผิวไหม้ น้ำร้อนลวกได้ดีมากๆ
และในปัจจุบันนี้เราไม่ต้องใช้ว่านหางจระเข้แบบต้นมาใช้แล้ว เพราะได้มีผลิตภัณฑ์เจลว่านหางจระเข้ที่มีส่วนช่วยในการปลอบประโลมผิวได้ดีไม่แพ้กัน และยังมีกลิ่นที่หอมกว่าและหาซื้อได้ง่ายมากกว่าอีกด้วย
3. การทามอยเจอร์ไรเซอร์
วิธีนี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เนื่องจากอาการผิวไหม้นั้นจะทำให้ผิวเกิดความแห้งลง จนทำให้เกิดอาการคันผิวได้ง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้นการทามอยเจอร์ไรเซอร์จะเป็นวิธีช่วยทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นและสมดุลมากยิ่งขึ้น โดยควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์กลุ่มไม่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์
4. การดื่มน้ำให้มากๆ
ช่วงที่ร่างกายเผชิญกับความร้อนและอากาศที่ร้อนจัดๆ ร่างกายของเราจะผลิตเหงื่อออกมาเพื่อช่วยปรับสมดุลของร่างกายจึงให้เกิดการสูญเสียน้ำในร่างกายได้ การดังนั้นการดื่มน้ำจึงมีความสำคัญมากๆ เพราะจะช่วยทดแทนการสูญเสียน้ำในผิวได้ดี ส่งผลทำให้ผิวที่ไหม้แดดเกิดการฟื้นฟูตัวเองได้ดีและไวมากยิ่งขึ้น
5. การมาส์กหน้า
เป็นอีกหนึ่งวิธีในการแก้ผิวหน้าไหม้แดดได้ดีมากๆ เพราะจะทำให้ผิวสามารถดูดซึมสารบำรุงต่างๆ ไปใช้ได้ดีกว่าการทาครีม โดยควรใช้สูตรมาส์กที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิค หรือสูตรที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นเพื่อเป็นการปลอมประโลมผิว และเมื่อผิวมีความชุ่มชื้นขึ้นก็จะทำให้ปัญหาผิวไหม้หายไวยิ่งขึ้นตาม
6. การทาครีมกันแดด
ในช่วยที่ผิวไหม้ผิวจะมีความบอบบางมากๆ ทำให้เกิดความไวต่อแสงได้ง่ายกว่าปกติ การทากันแดดจึงป็นการช่วยปกป้องผิวไม่ให้โดนแสงทำร้ายซ้ำอีกครั้งนั่นเอง ซึ่งครีมกันแดดที่แพทย์แนะนำควรจะมีค่า SPF 50 ขึ้นไป และไม่ควรมีส่วนผสมของน้ำหอมที่อาจกระตุ้นต่อการระคายเคืองของผิวได้
7. เลี่ยงครีมหรือยาที่เสี่ยงทำให้ผิวเกิดความระคายเคือง
ปํยหาผิวไหม้แดดนั้นถือเป็นช่วงที่ผิวมีความบอบบาง ง่ายต่อการระคายเคืองจากปัจจัยกระตุ้นต่างๆ มากมาย รวมไปถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางกลุ่มที่มีส่วนผสมของสารเร่งผลัดเซลล์ผิว อย่างเช่น เรตินอล, AHA, BHA เป็นต้น
วิธีแก้ผิวหน้าไหม้แดด แบบเร่งด่วน
1. ฉีด Made Collagen
เป็นหัตถการการฉีดเมโสประเภทหนึ่งที่จะใช้การฉีดส่งตัวยาเข้าสู่ชั้นผิว เพื่อให้เซลล์ผิวสามารถดูดเอาตัวยาและวิตามินต่างๆ ในตัวยานำไปใช้ได้อย่างรวดเร็วกว่าการทาครีมหลายเท่าโดยที่แทบจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ต่อร่างกายเลย อาจจะมีเพียงแค่รอยแดง รอยเข็มเท่านั้นและสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
จุดเด่นของวิธีนี้ เหมาะกับใคร :
- เป็นส่วนผสมจากธรรมชาติมีโอกาสแพ้ระคายเคืองต่ำ
- ช่วยปรับผิวให้มีความชุ่มชื้นกระจ่างใส
- ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่อ่อนล้าให้กลับมาแข็งแรง
- ช่วยควบคุมความมันของผิว
- ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใสขึ้น ทำให้รอยดำ ฝ้าและกระต่างๆ ค่อยๆ จางลงอย่างเห็นได้ชัด
- ช่วยลดสิว ลดปัญหาผิวหยาบกร้าน ผิวไหม้ให้ค่อยๆ ดีขึ้น
อ่านบทความเพิ่มเติม : ข้อควรรู้ก่อนฉีดมาเด้คอลลาเจน made 16 จุด คือะไร มีความเสี่ยงอะไรบ้าง 2023
2. ฉีด Chanel injection
เป็นอีกหนึ่งวิธีในการฟื้นบำรุงผิวได้ถึงเซลล์ผิวภายในด้วยวิธีการฉีดส่งตัวยาแบบเมโสเทอราพี ทำให้เห็นผลลัพธ์หลังทำได้อย่างเร่งด่วนและไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเนื่องจากตัวยามีส่วนประกอบของพืชและวิตามินต่างๆ ถึง 12 ชนิด รวมไปถึงกรดไฮยาลูรอนิคที่เป็นสารที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นมาได้เองและกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อผิวถึง 23 ชนิดด้วยกัน
จุดเด่นของวิธีนี้ เหมาะกับใคร :
- ช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า พร้อมปรับเซลล์ผิวให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นให้แก่ผิว
- ช่วยปรับรูขุมขนให้กระชับ พร้อมลดริ้วรอย ร่องลึกและรอยดำต่างๆ ที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด
- ช่วยแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ผิวดำ ผิวไหม้จากแสงแดดได้เป็นอย่างดี
3. ฉีด Rejuran
เป็นวิธีการช่วยฟื้นฟูผิวด้วย Polynucleotide ที่สกัดมาจากปลาแซลม่อลส่งผลให้มีความใกล้เคียงกับสาร Polynucleotide ใน DNA ของมนุษย์ โดยสารตัวนี้มีความพิเศษในเรื่องการช่วยแก้ปัญหาเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพและช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่สุขภาพดี ส่งผลให้ปัญหาผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าโทรม หน้าไหม้ หน้าหมอง หน้ามีริ้วรอยค่อยๆ จางลง ทั้งยังมีโอกาสแพ้ระคายเคืองจากตัวยาต่ำและหลังทำไม่ต้องพักฟื้นแต่อย่างใด
จุดเด่นของวิธีนี้ เหมาะกับใคร :
- ช่วยปรับผิวหน้าให้กระจ่างใส ลดรอยหมองคล้ำ รอยดำ รอยแดง รอยแผลต่างๆ รวมไปถึงกู้ปัญหาผิวไหม้ได้ดี
- ช่วยทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงขึ้นจึงทำให้หน้าฟื้นฟูตัวเองจากผิวไหม้ได้ไวกว่าปกติ
- ช่วยปรับรูขุมขนให้กระชับขึ้น ปรับริ้วรอยให้จางลง
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ให้ผิวแลดูสุขภาพดีจากภายใน
- ช่วยทำให้ผิวหน้ามีความอ่อนเยาว์ขึ้น ผิวดูเด็กลง
อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดรีจูรัน ( Rejuran ) คือ? ช่วยอะไร ต่างจากฉีดผิวใสตัวอื่นยังไง? อยู่ได้นานไหม
4. ฉีด Exosome
คือการฉีดตัวยาที่มีส่วนประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุลกว่า 1,000 ชนิดเข้าไปยังชั้นผิวเพื่อให้ตัวยาเข้าไปช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรงสุขภาพดียิ่งขึ้นได้ นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวได้เป็นอย่างดี
จุดเด่นของวิธีนี้ เหมาะกับใคร :
- ผู้ที่มีปัญหาผิวอ่อนแอ ผิวบอบบางระคายเคืองง่าย
- ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวให้เพิ่มมากขึ้น
- ช่วยปรับผิวให้ชุ่มชื้นสุขภาพดี
- ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน ปรับรูขุมขนให้กระชับ
- ช่วยลดโอกาสเกิดฝ้า รอยดำ รอยแผลต่าง ๆ
5. ทำทรีตเมนต์ New Pora Cool
ถือเป็นทรีตเมนต์ที่มาแรงอย่างมากเพราะช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึกด้วย 3 หลักการอย่าง การใช้ประจุไฟฟ้าเพื่อไปกระตุ้นการเปิดเซลล์ผิวให้พร้อมรับสารบำรุง, การผลักวิตามินเข้าสู่ผิวด้วยความเย็นเพื่อให้วิตามินต่างๆ สามารถซึมลงสู่ชั้นผิวได้ดีและการใช้แสง LED ในการเข้าช่วยบำบัดผิวให้กลับมาแข็งแรงสุขภาพดี
จุดเด่นของวิธีนี้ เหมาะกับใคร :
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ให้ผิวมีความแข็งแรง
- ช่วยปรับผิวให้มีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาวแบบสาวเกาหลี
- ช่วยลบรอยสิว รอยดำ รอยไหม้จากแสงแดด
- ช่วยลดอาการอักเสบของผิวจากที่ถูกเผาไหม้จากแสงแดดได้ดี
- ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียสิว ลดสิวทำให้สิวแห้งไวขึ้น
5. บำบัดด้วยแสงเลเซอร์ Dual Yellow
ถือเป็นแสงเลซอร์ประเภทหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวโดยเฉพาะ โดยแสงเลเซอร์ Dual Yellow Laser จะเป็นแสงสีเหลืองและแสงสีเขียวที่มีส่วนช่วยในการลดรอยและฟื้นฟูผิวได้อย่างดี โดยการทำเลเซอร์ประเภทนี้ในระหว่างทำจะไม่รู้สึกเจ็บเลยโดยจะรู้สึกเหมือนการทำทรีตเมนต์หน้าแบบทั่วไป ทำให้ไม่มีผลข้างเคียงหลังทำให้ต้องกังวลใจ
จุดเด่นของวิธีนี้ เหมาะกับใคร :
- ช่วยรักษาสิว ลดการอักเสบของสิว และช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียของสิว
- ช่วยรักษาฝ้า กระ และผิวไหม้จากแสงแดดได้เป็นอย่างดี
- ช่วยฟื้นฟูผิวลดการผลิตสารเมลานินในผิว
- ช่วยปรับผิวให้มีความกระจ่างใสมากขึ้น
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ให้ผิวมีความยืดหยุ่นสุขภาพดี
ภาวะแทรกซ้อนของอาการหน้าไหม้แดด
หลายๆ คนอาจจะคิดแค่ว่าอาการผิวไหม้นั้นอาจส่งผลเพียงแค่เกิดปัญหาผิวดำคล้ำ หรือมีจุดด่างดำอย่างฝ้า กระ เกิดขึ้นเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วอาการผิวไหม้นั้นยังสามารถส่งผลต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นได้ 3 อย่างหลักๆ คือ
- โรคมะเร็งผิวหนัง : โดยโรคมะเร็งผิวหนังนั้นต่างก็มีปัจจัยหลักๆ มาจากการให้ผิวได้สัมผัสแสงแดดหรือแสงยูวีนานๆ จนนำไปสู่โรคมะเร็งผิวหนังได้ในที่สุด
- ส่งผลต่อดวงตาและสายตา : แน่นอนว่าแสงแดดหรือแสงต่างๆ นั้นก็สามารถทำลายดวงตาของเราได้เช่น ทำให้เกิดค่าสายตาที่สั้นลง ทำให้เกิดปัญหาต้อเนื้อ ต้อกระจกได้ด้วยเช่นกัน
- ส่งผลให้เกิดผิวแก่ก่อนวัย : แสงถือเป็นศัตรูที่สำคัญมากๆ ต่อผิว เพราะความร้อนของแสงจะเข้าไปทำลายคอลลาเจนในผิวให้เสื่อมลงส่งผลทำให้เกิดริ้วรอย ร่องลึกจนนำไปสู่ปัญหาหน้าแก่ได้
หน้าไหม้แดด กี่วันถึงจะหาย
ในส่วนของระยะเวลานั้นจะขึ้นอยู่กับความรุ่นของอาการผิวไหม้ ซึ่งหากมีอาการที่ไม่รุนแรงมากก็จะใช้ระยะเวลาประมาณ 3-5 วันถึงจะหาย แต่หากมีอาการในระดับรุนแรงหรือระดับที่ 3 ก็จะต้องใช้ระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ในการรักษา
ผิวไหม้แดด หายเองได้ไหม
หากมีปัญหาผิวไหม้แบบที่ไม่ความไม่รุนแรงมากนักก็สามารถหายไปเองได้ภายใน 2-3 วันซึ่งบางรายอาจมีปัญหาผิวแห้งลอกร่วมด้วยดังนั้นจึงควรมีการบำรุงดูแลผิวให้มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ และไม่ควรปล่อยให้ผิวแห้งอย่างเด็ดขาด
วิธีการป้องกันอาการหน้าไหม้แดด
อ่านมาถึงตรงนี้หลายๆ คนก็คงอาจจะคิดว่าการอาการผิวไหม้นั้นมีความอันตรายและร้ายแรงกว่าที่คิด ดังนั้นเรามาดูกันบ้างว่าจะมีวิธีไหนที่ช่วยป้องกันผิวเราไม่ให้เกิดอาการผิวไหม้ได้บ้าง
- งดทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงเวลาแดดจัดๆ อย่างเช่นเวลา 10.00-16.00 น.
- ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากแดด เพราะให้ตัวครีมกันแดดเป็นเกราะช่วยป้องกันและลดความรุนแรงของผิวจากถูกแสงแดดเผา
- หากจำเป็นที่จะต้องออกแดดแนะนำให้กางร่ม สวมใส่เสื้อที่ช่วยป้องกันรังสียูวี ใส่แว่นตากันแดดเพื่อความรุนแรงจากการให้ดวงตาและผิวสัมผัสกับแสงโดยตรง
- ดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นและช่วยลดอาการขาดน้ำในขณะอยู่ในที่กลางแจ้งหรืออากาศร้อนๆ ได้
- หลังจากที่เผชิญกับแสงมา แนะนำให้ทาผิวด้วยเจลว่านหางจระเข้ที่จะสามารถช่วยลดอาการผิวไหม้จากแสงแดดได้ดี
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับแสงแดดที่ส่งผลต่อผิว
หน้าไหม้แดด คืออะไร?
การหน้าไหม้ คืออาการอักเสบของผิวจากการถูกแสงอัลตราไวโอเลตหรือ รังสียูวี (UV) รวมไปถึงแสงไฟ ในปริมาณที่มากเกินไป จนทำให้เกิดอาการผิวไหม้แดง แสบร้อน หรือผิวลอก โดยมักพบได้มากที่สุดกับกลุ่มคนผิวขาว ซึ่งการให้ผิวถูกแสงดังกล่าวที่มากเกินไปอาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งผิวหนังได้ในอนาคต
ต้นเหตุผิวหน้าไหม้ เกิดจากอะไร?
อาการผิวไหม้แดดนั้นเกิดขึ้นมาจากการที่ผิวถูกแสงแดดที่ร้อนจัดแผดเผาในปริมาณที่มากเกินไป ซึ่งตัวแสง UVA UVB ได้ไปทำลายผิวชั้นนอก ทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง ผิวแดง แสบร้อน หรือในบางรายอาจมีอาการผิวลอก มีแผลพุพองขึ้นได้
ตากแดดกี่นาทีถึงทำให้ผิวคล้ำ ผิวไหม้ได้
ระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่สามารถก่อให้เกิดผิวไหม้ ผิวคล้ำได้จะอยู่ที่ประมาณ 2-6 ชั่วโมง หรือในบางรายอาจเร็วกว่านั้นได้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน รวมถึงหากมีการทาครีมกันแดดก่อนก็จะช่วยยืดเวลาของการเกิดผิวคล้ำ ผิวไหม้ออกไปด้วยเช่นกัน
มีโรคอะไรบ้างที่ไม่สามารถโดนแดดได้
คำตอบคือ “โรคผิวหนังแห้งไวต่อแสงมากผิดปกติ (Xeroderma pigmentosum, XP)” หรือมีอีกชื่อว่า “โรคแพ้แสงแดด” ที่มีสาเหตุการเกิดมาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งคนที่เป็นโรคดังกล่าวจะถูกห้ามไม่ให้เผชิญกับแสงแดดจัดๆ อย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดผิวไหม้ เกิดตุ้มน้ำใส หรือผิวลอกได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
การตากแดดนานๆ เสี่ยงทำให้เป็นมะเร็งจริงไหม
เสี่ยงจริง เนื่องจากแสงและรังสียูวีถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง เนื่องจากตัวรังสีจะเข้าไปทำลาย DNA (Genotoxic) ในชั้นผิวจนนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ในที่สุด
การตากแดดทุกวัน ผิวจะไหม้แดดหรือไม่?
หลายๆ คนอาจจะคิดแสงแดดเป็นอันตรายต่อร่างกายซึ่งความจริงแล้วแสงแดดเองก็มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วยเช่นกัน โดยแสงแดดจะทำให้ร่างกายรับวิตามินดีที่มีส่วนช่วยในการควบคุมระดับแคลเซียมในร่างกาย ดังนั้นการตากแดดทุกวันเป็นเรื่องที่ดีแต่ก็ควรจะตากแดดในช่วงเช้าตรู่ก่อนเวลา 10.00 น. นั่นเอง
สรุป
ปัญหาผิวไหม้นั้นถือเป็นอาการอักเสบของผิวจากการถูกแสงแดดหรือรังสียูวีในการทำร้ายผิวจนเกิดอาการแดง เจ็บ แสบ ระคายเคืองซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยหลายวิธีด้วยกันทั้งการรักษาด้วยตนเองอย่างการทายา การทาครีมบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น หรือจะใช้วิธีทางการแพทย์ที่จะช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำร้ายอย่างเร่งด่วนด้วยการฉีดมาเด้คอลลาเจน รีจูรัน ฉีดผิวชาแนล รวมไปถึงการทำทรีตเมนต์หรือใช้แสงเลเซอร์สีเหลืองอย่าง dual yellow ก็ได้เช่นกัน
ซึ่งสำหรับใครที่สนใจอยากเข้าทำหัตถการกู้ผิวไหม้ขอแนะนำที่กังนัมคลินิก เรามาบริการที่หลากหลายและใช้มาตรฐานในการให้บริการเดียวกับโรงพยาบาลชื่อดังในเกาหลีในราคาที่ใครๆ ก็สามารถเอื้อมถึงได้ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line : @gangnamclinic