จบปัญหาเรื่อง สิว (Acne) คืออะไร? มีกี่ประเภท พร้อมแนะนำวิธีรักษาให้ได้ผล
หากจะให้พูดถึงปัญหาสภาพผิวที่คอยสร้างความกังวลใจแก่ผู้คนทุกเพศทุกวัยนั้นเห็นทีก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องสิวๆ กันอย่างแน่นอน เพราะถือเป็นปัญหาที่สามารถเริ่มพบได้ตั้งแต่ช่วงก้าวสู่วัยรุ่น จนถึงในวัยผู้ใหญ่บางคนที่ก็ยังต้องเผชิญกับปัญหานี้กันอยู่ ในบทความนี้เราเลยจะมาเจาะลึกคุยกันถึงปัญหาเรื่องสิวๆ กันบ้าง
รู้จัก สิว คืออะไร ?
สิว (Acne) ถือเป็นสภาวะของผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของรูขุมขนและต่อมไขมันในรูขุมขนที่เกิดการอุดตันจนทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อ หรืออธิบายง่ายๆ ก็คือการอุดตันของระบบต่อมไขมันในรูขุมขนนั่นเอง โดยลักษณะจะเกิดเป็นตุ่มนูนสีแดงขึ้นจากผิวหนังมีหนอง มีก้อนไตอยู่ข้างในมีขนาดเม็ดสิวที่น้อยใหญ่ขึ้นอยู่กับระดับการอักเสบ
สิวสามารถพบได้ตั้งแต่กลุ่มอายุเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นอย่าง ช่วงอายุประมาณ 11 ปี ไปจนถึงกลุ่มวัยผู้ใหญ่และสามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย โดยมีสาเหตุปัจจัยการเกิดที่มากมายหลายอย่างด้วยกัน
สิวเกิดจากสาเหตุไหนได้บ้าง
สาเหตุที่มากระตุ้นทำให้เกิดสิวขึ้นนั้นมีอยู่มากมายหลายปัจจัย โดยขอแบ่งออกเป็น 2 ปัจจัยหลักๆ คือปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน ดังนี้
ปัจจัยภายนอก
- การแพ้ระคายเคืองจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
ในปัจจุบันในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายของเรานั้นต่างก็ได้มีสารส่วนประกอบอย่างมากมายหลายตัว ซึ่งแน่นอนว่าสภาพผิวของเราไม่รับสารต่างๆ เหล่านั้นได้ทุกตัวจึงทำให้ต้องมีการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง รวมไปถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลายๆ ตัวพร้อมที่จะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ง่ายกว่าปกตินั่นเอง - ฝุ่น มลภาวะและสิ่งสกปรกต่างๆ
แน่นอนว่าการอุดตันของรูขุมขนนั้นส่วนหนึ่งก็จะมาจากแบคทีเรียและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่อยู่ในอากาศมาเกาะที่ผิวของเรา และเมื่อเราทำความสะอาดผิวไม่ดีพอก็จะทำให้สิ่งสกปรกเหล่านั้นติดค้างอยู่ที่ผิวเราจนนำไปสู่อาการอักเสบของรูขุมขนจนกลายเป็นสิวอักเสบหรือสิวอุดตันได้ - สภาพอากาศ
สภาพอากาศและอุณหภูมิถือว่ามีผลต่อสภาพผิวของคนเราอย่างมาก เพราะเมื่อเราอยู่ในที่อากาศหนาวก็จะทำให้ผิวเราของมีอาการแห้ง แตกลอก แต่หากอยู่ในที่อากาศร้อนก็จะทำให้เกิดปัญหาผิวมันจากการที่ร่างกายผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ซึ่งก็แน่นอนว่าหากมีน้ำมันบนผิวมากก็ยิ่งมีโอกาสเกิดสิวที่ง่ายมากๆ ตามไปด้วย
ปัจจัยภายใน
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ที่จะไปกระตุ้นการผลิตซีบัมในผิวของให้มากขึ้น ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนที่ง่ายขึ้น ซึ่งช่วงเวลาที่พบการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนคือ ช่วงเข้าสู่วัยรุ่น ช่วงมีประจำเดือนของผู้หญิงและช่วงตั้งครรภ์นั่นเอง - ร่างกายผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป
โดยปกติแล้วร่างกายของเราจะมีการผลิตน้ำมันออกมาจากต่อมไขมัน (sebaceous glands) ออกมาเพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและช่วยเป็นเกราะป้องกันผิวหนังอยู่ แต่หากเมื่อใดที่ร่างกายมีการผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปจะไปกระตุ้นทำแบคทีเรียที่เกาะอยู่บนผิวสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็วทำให้เกิดการอักเสบของรูขุมขนและเกิดสิวขึ้นได้ - การมีเซลล์ keratinocyte มากเกินไป
เซลล์ keratinocyte หรือเซลล์ที่มีหน้าที่ในการสร้างเล็บ ผมและเส้นขนที่จะถูกร่างกายของเราสร้างขึ้นมาและจะถูกผลัดตัวออกไปเมื่อหมดอายุไข แต่หากในร่างกายของเราผลิต keratinocyte ออกมามากเกินไปทำให้เกิดการขวางกั้นรูขุมขนจนทำให้เหล่าน้ำมันและแบคทีเรียอื่นๆ เกิดการอุดตันรวมตัวเป็นก้อนไขมันจนกลายเป็นสิวในที่สุด - การอักเสบของระบบภูมิคุ้มกัน
สาเหตุนี้มักเกิดมาจากร่างกายของเราได้รับเชื้อแบคทีเรียต่างๆ เข้ามาและเมื่อตัวเชื้อดังกล่าวไปเจอกับระบบคุ้มกัน แล้วระบบภูมิคุ้มกันของเรามีการตอบสนองกลับด้วยการอักเสบจนทำให้เกิดเป็นสิวขึ้นมานั้นเอง ซึ่งสาเหตุนี้ก็มีปัจจัยการเกิดขึ้นมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หรือการทานยาใช้ยาต่างๆ นั้นเอง
สิวมีทั้งหมดกี่แบบ?
หลังจากที่เราทราบถึงสาเหตุของปัญหาการเกิดสิวกันไปแล้ว ต่อไปเรามาดูกันบ้างว่าสิวที่เรามีอยู่นั้นแบ่งออกเป็นทั้งหมดกี่แบบ และแต่ละแบบต่างกันอย่างไรบ้าง
สิวอักเสบ
สิวอักเสบ (Inflamed acne) สิวประเภทนี้จะมีอาการแดง อักเสบหรืออาการเจ็บเมื่อสัมผัสร่วมด้วย โดยสามารถแบ่งออกได้อีก 3 แบบหลักๆ ดังนี้
- สิวตุ่มแดง (Papule) มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดใหญ่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังเมื่อสัมผัสจะรู้เจ็บซึ่งมีสาเหตุการเกิดขึ้นได้ทั้งแบบการอุดตันของรูขุมขนและการติดเชื้อจากแบคทีเรียต่างๆ
- สิวหัวช้าง (Nodule) มีลักษณะเป็นตุ่มก้อนขนาดใหญ่มีอาการที่เจ็บปวดมากๆ เกิดขึ้นมาจากการอุดตันของรูขุมขนเหมือนสิวแบบอื่นๆ แต่จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าและไม่เหมาะกับการกดรักษาเอง ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะใช้วิธีการฉีดสิวแทน
- สิวหัวหนอง (Pustule) มีลักษณะเป็นเม็ดสิวที่มีหนองอยู่ตรงกลาง เกิดจากการอุตันของรูขุมขนที่เต็มไปด้วยน้ำมันส่วนเกินจนเกิดการอักเสบขึ้น ซึ่งสิวประเภทนี้หากทำการกดเองแบบไม่ถูกวิธีจะยิ่งไปกระตุ้นทำให้เกิดอาการอักเสบที่มากกว่าเดิม
สิวไม่อักเสบ
สิวไม่อักเสบหรือเรียกอีกอย่างว่าโคมีโดน (comedone) เป็นลักษณะของเม็ดสิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนหรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่าสิวอุดตันนั้นเอง ซึ่งสิวอุดตันนั้นก็สามารถแบ่งออกได้อีก 2 แบบหลักๆ คือ
- สิวหัวปิด (Closed Comedone) จะมีลักษณะเป็นตุ่มขนาดเล็กมองไม่เห็นหัวสิว โดยส่วนใหญ่แล้วสิวประเภทนี้จะอยู่ใต้ผิวหนังทำให้มีวิธีการรักษาที่ยากกว่าสิวแบบหัวเปิด ซึ่งควรใช้เลเซอร์หรือเจาะหัวเพื่อสิวและทำการกดออก เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจกลายเป็นสิวอักเสบได้
- สิวหัวเปิด (Open Comedone) มีลักษณะเป็นเม็ดสิวที่มีส่วนหัวโผล่ขึ้นมาบนผิวหนัง บางครั้งอาจพบได้ลักษณะหัวสิวสีคล้ำหรือสิวหัวดำนั่นเอง สิวประเภทนี้สามารถรักษาได้ด้วยการกดเอาหัวสิวออก
ระดับความรุนแรงของสิวมีกี่แบบ
สิวนอกจากจะถูกแบ่งออกได้เป็นหลายแบบแล้ว ยังสามารถแบ่งออกเป็นตามระดับความรุนแรงได้อีกด้วย ซึ่งสามารถจำแนกได้ 4 ระดับดังนี้
- สิวระดับไม่รุนแรง
ในระดับนี้โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสิวหัวขาวหรือสิวอุดตันแบบไม่มีหัว สิวหัวดำ และสิวหัวหนองแบบเล็กน้อย - สิวระดับปานกลาง
ในระดับความรุนแรงนี้จะมีสิวประเภทสิวอุดตันหรือสิวหนองในจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่แล้วสิวจะเกิดขึ้นที่บริเวณใบหน้าเยอะที่สุด
สิวระดับรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก - ระดับนี้จะพบสิวอักเสบและหัวแบบหัวหนองอยู่จำนวนมาก และโดยส่วนใหญ่แล้วตุ่มสิวจะค่อนข้างมีขนาดที่ใหญ่ ซึ่งบริเวณที่เป็นสิวส่วนใหญ่จะเป็นที่ใบหน้าและหน้าอก
- สิวระดับรุนแรง
ระดับนี้ส่วนใหญ่จะพบสิวหัวหนองและสิวอักเสบเป็นจำนวนมาก ซึ่งสิวแต่ละเม็ดจะมีขนาดที่ใหญ่และมีอาการอักเสบที่รุนแรงอีกด้วย
ตำแหน่งที่สิวขึ้น มีจุดไหนบ้าง?
สิวนั้นสามารถเกิดขึ้นได้หลายจุด หลายบริเวณขึ้นอยู่กับสาเหตุและปัจจัยการเกิด แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักพบได้ที่บริเวณใบหน้าเยอะที่สุด
- สิวที่คาง : ถือเป็นบริเวณที่ก่อให้เกิดสิวง่ายมากๆ เพราะถือเป็นโซนผิวที่มีความมันและยิ่งในช่วงนี้ที่มีการใส่หน้ากากอนามัยที่จะส่งผลทำให้เกิดการหมักหมมของเชื้อโรคจนเกิดสิวขึ้น
- สิวที่หน้าผาก : ถือเป็นโซนผิวที่มีความมัน ถือเป็นจุดที่มีเหงื่อออกเยอะและได้รับการสัมผัสกับสิ่งสกปรกอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นฝุ่นหรือแบคทีเรียต่างๆ
- สิวที่แก้ม : สามารถเกิดขึ้นได้จากความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่มาเกาะผิวของเรา รวมไปถึงสิ่งสกปรกจากหน้ากากอนามัย ปลอกหมอนเป็นต้น
- สิวที่จมูก : บริเวณนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสิวอุดตันแบบหัวเปิดที่เกิดขึ้นจากการอุดตันของสิ่งสกปรก
- สิวที่ปาก : เกิดได้ทั้งจากสิ่งสกปรกหลังเราทานอาหารหรือแม้แต่การแพ้อาหารต่างๆ ที่เราทานไปก็ได้เช่นกัน
- สิวที่คอ : ส่วนใหญ่จะเป็นสิวที่เกิดจากการสะสมของสิ่งสกปรกและแบคทีเรียเพราะถือเป็นจุดที่คนไม่ค่อยให้ความสำคัญในการทำความสะอาดผิว
- สิวที่หลัง : โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่ไม่สามารถผลัดเซลล์ผิวออกไปได้อย่างหมดจด รวมไปถึงขี้ไคลและสิ่งสกปรกต่างๆ จากเหงื่อและเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ นอกจากนั้นยังสามารถเกิดจากการแพ้แชมพูหรือครีมอาบน้ำได้อีกด้วย
วิธีรักษาสิว มีอะไรบ้าง เลือกใช้วิธีไหนดี
มาดูกับถึงวิธีรักษาสิวกันบ้างว่าจะมีวิธีไหนบ้างที่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้จริง และช่วยให้สิวแห้งไวและช่วยลดโอกาสการเกิดสิวได้บ้าง ซึ่งเราขอแบ่งออกเป็นวิธีการรักษาสิวด้วยตนเองและการรักษาด้วยทางแพทย์
การรักษาสิวด้วยตนเอง
- การรักษาความสะอาด
ถือเป็นส่วนที่ควรให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะหลักๆ แล้วการเกิดสิวโดยส่วนใหญ่นั้นจะเกิดขึ้นมาจากการสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรกจนเกิดการอุดตันที่รูขุมขน ดังนั้นหากเราทำความสะอาดผิวให้ดีก็จะช่วยลดโอกาสการเกิดให้น้อยลงได้ - การควบคุมการทานอาหาร
การทานอาหารก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดสิว ซึ่งเหล่าอาหารที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดสิวก็คือ กลุ่มทอด ของมัน ของหวาน ดังนั้นสำหรับใครที่เป็นสิวได้ง่ายและเป็นบ่อยๆ ลองลดอาหารกลุ่มดังกล่าวลงและหันไปทานพวกถั่ว ผลไม้ เช่น ฝรั่ง แอปเปิล ผักสีเขียวแทนเนื่องจากอาหารเหล่านี้จะช่วยลดสิว และทำให้สิวหายไวยิ่งขึ้น - งดแกะ กดสิวเอง
หลายๆ คนมักเข้าใจผิดคิดว่าหากเราเป็นสิวแล้วก็แค่กดเอาออกเองซึ่งเป็นวิธีที่ผิดแบบมากๆ เพราะการกดสิวเองนั้นจะทำให้ผิวเกิดการอักเสบได้ง่าย จนทำให้สิวเกิดการอักเสบที่รุนแรงกว่าเดิมและนอกจากนั้นยังทิ้งรอยแดง รอยดำ รอยแผลเป็นทิ้งไว้อีกด้วย - ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้มีปัญหาสิว
แน่นอนว่าการเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวก็ถือเป็นส่วนสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะคนเป็นสิวเพราะในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับคนเป็นสิวนั้นจะมีสารที่ช่วยควบคุมความมันและช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวนั่นเอง - การดื่มน้ำให้มากๆ
การดื่มน้ำนอกจากจะทำให้ผิวของเรามีความชุ่มชื้นแล้วยังส่งผลสำคัญต่อกลุ่มคนที่เป็นสิวเพราะผิวแห้ง เนื่องจากลักษณะผิวของกลุ่มคนเหล่านี้คือเดิมมีสภาพผิวที่แห้งทำให้ร่างกายผลิตน้ำมันออกมาเคลือบผิวเยอะจนทำให้เกิดการอุดตันเป็นสิวนั่นเอง
การรักษาสิว แบบเร่งด่วน ด้วยทางการแพทย์
- ทำเมโสเทอราพี
ถือเป็นวิธีการรักษาสิวด้วยการส่งตัวยาที่มีส่วนประกอบของวิตามินและสารบำรุงต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อผิวเข้าสู่ชั้นผิวด้วยการสะกิดเปิดผิวชั้นนอกเพื่อส่งตัวยาให้ซึมลงสูงผิวชั้นใน เพื่อให้ผิวได้รับสารบำรุงต่างๆ ในตัวยาอย่างเต็มที่ - ทำเลเซอร์รักษาสิว
เป็นวิธีการใช้แสงและความร้อนของพลังงานเลเซอร์เข้าไปช่วยรักษาสิวให้แห้งและหายไวยิ่งขึ้น นอกจากนั้นแสงเลเซอร์หลายๆ ตัวยังมีส่วนช่วยในการกู้พวกรอยสิวได้ดีอีกด้วย ซึ่งกลุ่มเลเซอร์ที่ช่วยรักษาสิวได้แก่ Long-pulse Nd YAG laser, Diode laser, DualYellow laser, vBeam laser และ Q-Switch laser เป็นต้น - การกดสิว
ถือเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะกับกลุ่มสิวอุดตัน ซึ่งวิธีนี้จะต้องใช้เทคนิคและความชำนาญในการกดอย่างมากเพื่อไม่ให้ผิวเกิดการอักเสบและทิ้งรอยดำ รอยแดงไว้ที่ผิวหลังสิวหาย - การฉีดสิว
คือการฉีดยากลุ่มยาคอร์ติโซน หรือยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์เข้าไปยังตัวเม็ดสิวเพื่อไปช่วยลดอาการอักเสบ อาการบวมแดงและทำให้สิวยุบตัวได้ไวยิ่งขึ้นแบบรวดเร็ว ซึ่งนิยมใช้กับกลุ่มสิวอักเสบขนาดใหญ่และสิวหัวช้างอย่างมาก - Microneedling
วิธีนี้คือการลดสิวและแก้ปัญหาหลุมสิว รูขุมขนกว้างด้วยการใช้เข็มขนาดเล็กแทงเข้าไปยังในชั้นผิวเพื่อไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินในชั้นผิวทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้นนั่นเอง - การใช้สารเคมีลอกผิว
คือการใช้ตัวสารในการเร่งการผลัดเซลล์ผิวให้หลุดออกแบบเร่งด่วน ทำให้ช่วยลดโอกาสการสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรกที่จะมาเกาะบนผิวจนทำให้เกิดการอุดตันเป็นสิวได้
คำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิว
สิวสามารถหายเองได้ไหม ?
สิวสามารถหายเองได้ แต่จะเป็นเฉพาะสิวบางประเภทอย่าง สิวอักเสบ แต่จะใช้ระยะเวลานานและหากปล่อยให้หายไปเองจะทำให้เกิดรอยดำทิ้งไว้ ซึ่งการรักษารอยดำนั้นถือว่ายากและใช้เวลารักษานานกว่าการรักษาสิวมากๆ
เป็นสิวบ่อยๆ แก้ยังไงดี ?
หากใครที่กำลังเผชิญปัญหาเป็นสิวบ่อยๆ แนะนำให้ลองเช็คสาเหตุการเกิดสิวว่าเกิดจากอะไร เช่น ผิวมัน หรือเป็นช่วยใกล้จะมีประจำเดือน และหลังจากนั้นก็แนะนำให้เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม การดูแลความสะอาดผิวให้ดีหรือหากยังไม่หายแนะนำให้เข้าพบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินและแนะนำการรักษาต่อไป
สรุป
สิวถือเป็นปัญหาผิวที่ใหญ่และสร้างความกังวลใจแก่ใครหลายๆ คนอย่างมากมาย ซึ่งสาเหตุของการเกิดสิวนั้นมีอยู่หลายปัจจัยด้วยกันแต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดการจากการอุดตันของรูขุมขนจนทำให้เกิดเป็นเม็ดสิวแต่ละแบบขึ้นมานั่นเอง ซึ่งวิธีการรักษาสิวนั้นก็ถือว่ามีหลายแบบด้วยกันทั้งแบบการรักษาด้วยตนเองและการใช้วิธีทางการแพทย์เข้ามาช่วยทำให้สิวหายไวขึ้นเช่น การทำเลเซอร์ การทำเมโสเทอราพี เป็นต้น