ฟิลเลอร์ยี่ห้อ e.p.t.q. ดีไหม? ใช้ฉีดตำแหน่งไหน เหมาะกับแก้ปัญหาเรื่องอะไร
ในยุคนี้สมัยนี้ก็คงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จักกับการฉีดฟิลเลอร์กันอย่างแน่นอนเพราะเป็นหัตถการทางความงามที่ได้รับความนิยมและเป็นที่สนใจอย่างมากในยุคนี้ ดังนั้นในบทความนี้หมอจะมาพูดถึงอีกหนึ่งฟิลเลอร์ยอดฮิตอย่างฟิลเลอร์ e.p.t.q. ว่าฉีดแล้วดีไหม มีกี่รุ่น รุ่นไหนเหมาะฉีดส่วนไหนได้บ้าง
ฟิลเลอร์ e.p.t.q. คืออะไร
ฟิลเลอร์ e.p.t.q. เป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มสารเติมเต็มผิวด้วยสารไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) มีส่วนช่วยในการเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอย ปรับรูปหน้าตามจุดต่างๆ ได้ดี ซึ่งคำว่า e.p.t.q. มาจาก 2 คำว่า Exquisite และ Technique ที่มีความหมายว่า เทคนิคการผลิตอันประณีตนั่นเอง
ฟิลเลอร์ e.p.t.q. เป็นของประเทศอะไร
ฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้ได้ถูกพัฒนาและผลิตขึ้นโดยบริษัท Jetema ของประเทศเกาหลีในปี 2020 ที่ผ่านมาจึงทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหลายประเทศแถบเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะมีการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากทั้ง U.S.FDA และ EDQM
ฟิลเลอร์ e.p.t.q. มีทั้งหมดกี่รุ่น
ปัจจุบันฟิลเลอร์ e.p.t.q. นั้นมีด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นหลักๆ ดังนี้
1. e.p.t.q. S 100 (กล่องสีเขียว)
- รุ่นนี้มีส่วนผสมของยาชา 3%
- มีเนื้อฟิลเลอร์ที่นิ่มหรือเหลวที่สุด จึงเหมาะกับการใช้ฉีดบริเวณใต้ตา ฉีดลดริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ ในผิวชั้นตื้น
- ปริมาณ 1 กล่องมี 1 ไซริงค์จำนวน 1 ซีซี
2. e.p.t.q. S 300 (กล่องสีส้ม)
- รุ่นนี้มีส่วนผสมของยาชา 3%
- มีเนื้อฟิลเลอร์ที่ยืดหยุ่นได้ดี มีความแข็งในระดับปานกลาง เหมาะกับการฉีดในผิวชั้นกลางและชั้นลึกเพื่อปั้นรูปทรงต่างๆ เช่น ฉีดบริเวณปาก ร่องแก้ม หน้าผาก ใต้ตาและแก้ร่องลึกต่างๆ
- ปริมาณ 1 กล่องมี 1 ไซริงค์จำนวน 1 ซีซี
3. e.p.t.q. S 500 (กล่องสีน้ำเงิน)
- รุ่นนี้มีส่วนผสมของยาชา 3%
- เนื้อฟิลเลร์มีความยืดและแข็งที่สุดเหมาะกับการใช้ฉีดในผิวชั้นลึก เช่น บริเวณคาง จมูก ใต้ตา ร่องแก้ม เป็นต้น
- ปริมาณ 1 กล่องมี 1 ไซริงค์จำนวน 1 ซีซี
ฟิลเลอร์ e.p.t.q.ฉีดจุดไหนได้บ้าง
ตำแหน่งที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ e.p.t.q. นั้นก็สามารถใช้ฉีดได้หลายจุดเหมือนกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นๆ เลย แต่ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับรุ่นที่ใช้ฉีดอีกที เนื่องจากแต่ละรุ่นก็จะมีลักษณะความหนืดหรือเหลวของเนื้อฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันจึงทำให้เหมาะกับการฉีดในแต่ละตำแหน่งที่ต่างกันด้วย เช่น
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ฉีดฟิลเลอร์คาง
- ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
- ฉีดฟิลเลอร์จมูก
- ฉีดฟิลเลอร์ขมับ
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
ฟิลเลอร์ e.p.t.q. เห็นผลได้นานไหม
ในส่วนของระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์นั้นจะสามารถเห็นผลได้นานอยู่ที่ 6-12 เดือนขึ้นอยู่กับรุ่นของฟิลเลอร์ เนื่องจากรุ่นที่มีเนื้อหนืดกว่า เนื้อแข็งกว่าก็จะสามารถอยู่ได้นานมากกว่ารุ่นที่มีเนื้อเหลว
- e.p.t.q. S 100 เห็นผลนานประมาณ 6 เดือน
- e.p.t.q. S 300 เห็นผลนานประมาณ 8 เดือน
- e.p.t.q. S 500 เห็นผลนานประมาณ 12 เดือน
ฟิลเลอร์ e.p.t.q. มีราคาซีซีละเท่าไหร่
ราคาค่าฉีดฟิลเลอร์ e.p.t.q. ก็จะถือว่าเป็นราคาที่อยู่ในระดับปานกลางเหมือนกับฟิลเลอร์เกาหลียี่ห้ออื่นๆ ซึ่งจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 4,000-8,000 บาทต่อ 1 ซีซี ขึ้นอยู่กับรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้และประสบการณ์ของหมอผู้ฉีด
ฟิลเลอร์ e.p.t.q. เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก มีปัญหาตีนกา
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าตามจุดต่างๆ เช่น เสริมคาง เสริมความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก แก้ปัญหาร่องลึกใต้ตา เป็นต้น
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าโดยไม่อยากผ่าตัดศัลยกรรม
ฟิลเลอร์ e.p.t.q. ไม่เหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่มีประวัติแพ้สารไฮยาลูรอนิคเอซิด
- สตรีที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีภาวะเลือดหยุดไหลยาก
- ผู้ที่มีบาดแผล แผลสด มีผื่นแดง ผื่นคัน หรือมีสิวอักเสบจำนวนมากในจุดที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์
ส่วนประกอบของฟิลเลอร์ e.p.t.q.
ในตัวฟิลเลอร์ยี่ห้อ e.p.t.q. นั้นจะประกอบไปด้วยสารไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ถึง 24 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ท่าใน รูปแบบโครงสร้าง HIVE Structure หรือโครงสร้างแบบรังผึ้งที่มีความยืดหยุ่นสูงช่วยยกผิวได้ดี ทำให้ง่ายต่อการฉีดเพื่อปรับรูปทรงต่างๆ
จุดเด่นของฟิลเลอร์ e.p.t.q.
หากจะให้พูดถึงจุดเด่นของฟิลเลอร์ e.p.t.q. นั้นก็คงจะเป็นในเรื่องของเทคโนโลยีในการผลิตกับ 2 เทคโนโลยีหลักอย่าง
- CM Technology (2 Crosslinking Method)
คือเทคโนโลยีที่ทำให้โมเลกุลของเนื้อฟิลเลอร์สามารถยึดเกาะกันได้แบบ Chemical crosslinking และ Physical crosslinking ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น ช่วยยกกระชับผิวได้ดี ฉีดแล้วมีความคงตัวไม่ไหลเป็นก้อน - ZEEP Technology (Zero Endotoxin และ BDDE Entire Process)
เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดการตกค้างของสาร BDDE ได้ดีทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความบริสุทธิ์สูง และมีความปลอดภัยต่อตัวผู้ฉีด
**สาร BDDE หรือ Butanediol diglycidyl ether เป็นสารที่ยี่ห้อฟิลเลอร์หลายๆ ยี่ห้อใส่ไว้เพื่อทำการผลิตเนื้อฟิลเลอร์ให้เกิดเป็นพันธะ (Cross Linking) ที่จะทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความคงรูปไม่ไหลเป็นก้อน ทำให้เนื้อฟิลเลอร์สลายตัวได้ช้า ซึ่งสาร BDDE นี้หากยิ่งมีมากก้จะยิ่งก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคืองได้ง่ายนั่นเอง
ฟิลเลอร์ e.p.t.q. อันตรายต่อร่างกายไหม
การฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อ e.p.t.q. นั้นไม่ต้องกังวลเรื่องความอันตรายเลย เนื่องจากตัวฟิลเลอร์ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก U.S.FDA, EDQM และอย.ไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นยังมีการใช้เทคนิคการผลิตที่ช่วยลดสารตัวก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคืองอีกด้วย
วิธีเช็คฟิลเลอร์ e.p.t.q. ของแท้ ต้องดูตรงไหนบ้าง
- สแกน QR Code ที่ข้างกล่องเพื่อลิงก์ไปยังหน้าเว็บไซต์ของบริษัทผู้นำเข้าอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งหากเป็นของแท้จะมีข้อความปรากฏว่า ผลิตภัณฑ์นี้เป็นของแท้ รวมถึงระบุรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นรุ่น เลขที่การจดทะเบียน เลขลอตที่ผลิต วันที่หมดอายุ
- มีเลขทะเบียนอย. ใบอนุญาตเลขที่ 64-2-1-2-0000397 ระบุอยู่ด้านหลังกล่อง
- ในกล่องฟิลเลอร์จะต้องมีฉลากเป็นภาษาไทยอยู่ ซึ่งหากไม่มีแต่ทางคลินิกแจ้งว่าเป็นของแท้ที่หิ้วมาจากต่างประเทศในกรณีนี้ถือว่าเป็นฟิลเลอร์ที่มีการลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วหมอจะไม่ค่อยฉีดให้เนื่องจากผิดจรรยาบรรณแพทย์
ซึ่งหากพบการกระทำที่ผิดกฎหมายไม่ว่าจะเป็นการใช้ฟิลเลอร์ปลอม การใช้ฟิลเลอร์หิ้วสามารถร้องเรียนการกระทำดังกล่าวได้ที่สายด่วนกรม สบส. (กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ) โทร 1426 หรือทางหมายเลขโทรศัพท์ 02-193-7000
ฟิลเลอร์ e.p.t.q. มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
ในส่วนของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นนั้นก็จะมีอาการที่คล้ายคลึงกับการฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นๆ ทั่วไป โดยอาการที่มักพบได้บ่อยจะมีดังนี้
- มีอาการบวม : อาการลักษณะนี้จะมีการบวมขึ้นเล็กน้อย โดยอาการบวมดังกล่าวจะยุบหายไปเองภายใน 2-3 วัน และสามารถใช้การประคบเย็นเข้าช่วยได้
- มีรอยแดงหรือเกิดรอยเข็ม : ถือเป็นอาการปกติที่มักเกิดขึ้นได้หลังรับการฉีดยาหรือทำหัตถการฉีดต่างๆ โดยจะหายไปเองภายใน 3-7 วันขึ้น
- มีอาการปวดในจุดที่ฉีด : เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติ โดยส่วนใหญ่แล้วจะหายไปเองภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งสามารถทานยาแก้ปวดได้ตามคำแนะนำของหมอผู้ฉีด
ฟิลเลอร์ e.p.t.q. ต่างกันฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นๆ อย่างไร
หากจะให้พูดถึงความแตกต่างระหว่างฟิลเลอร์ e.p.t.q. กับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นๆ นั้นก็จะแตกต่างกันหลักๆ ในเรื่องของเทคโนโลยีการผลิต ระยะเวลาการเห็นผลและตำแหน่งที่เหมาะกับการฉีด ซึ่งหมอขอแนะนำอีก 4 ยี่ห้อที่กังนัมคลินิกเลือกใช้ ดังนี้
- Juvederm
เป็นฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกา ผลิตขึ้นโดยบริษัท Allergan บริษัทเดียวกับ Botox Allergan ถือเป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความบริสุทธิ์และเห็นผลได้นานประมาณ 8-24 เดือน
ราคาเริ่มต้น 1cc = 10,693 บาท - Restylane
ฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน เป็นฟิลเลอร์แบรนด์แรกของโลกเป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีการใช้ 2 เทคโนโลยีในการผลิตทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น คงทน และมีโอกาสเป็นก้อนได้น้อยมากๆ สามารถเห็นผลได้นานประมาณ 6-12 เดือน
ราคาเริ่มต้น 1cc = 8,623 บาท - Belotero
ฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีจุดเนื้อคือความยืดหยุ่นและคงทน ฉีดแล้วมีโอกาสเกิดปัญหาฟิลเลอร์ไหลได้น้อย เห็นผลได้นานประมาณ 6-18 เดือน
ราคาเริ่มต้น 1cc = 7,896 บาท - Neuramis
อีกหนึ่งยี่ห้อจากประเทศเกาหลี มีจุดเด่นในเรื่องของราคาและเนื้อฟิลเลอร์ที่สามารถยืดหยุ่น ยึดเกาะผิวได้ดี ฉีดแล้วให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ สามารถเห็นผลได้นานประมาณ 6-12 เดือน
ราคาเริ่มต้น 1cc = 5,966 บาท
สามารถอ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่บทความ แนะนำ 5 ตัวท็อป ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี ปลอดภัยผ่าน อย. ไทย 2023
สรุปฉีดฟิลเลอร์ e.p.t.q. ดีไหม?
ฟิลเลอร์ e.p.t.q. ถือเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อฟิลเลอร์ชื่อดังจากประเทศเกาหลีที่มีราคาในระดับปานกลาง แต่มีคุณภาพไม่แพ้ยี่ห้ออื่นๆ ด้วยการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่มีความทันสมัยทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความบริสุทธิ์ มีความยืดหยุ่นสูง ยึดเกาะผิวได้ดี เห็นผลได้นาน 6-12 เดือนและยังได้รับมาตรฐานความปลอดภัยจากทั้งU.S.FDA, EDQM และอย.ไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ e.p.t.q. ก็ควรทำการตรวจสอบก่อนว่าคลินิกที่ฉีดนั้นใช้ฟิลเลอร์ของแท้หรือไม่ และหมอผู้ฉีดมีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน
สำหรับใครที่สนใจอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการสำรองคิวสำหรับบริการฉีดฟิลเลอร์ สามารถติดต่อเข้ามาปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญของกังนัมคลินิกได้ที่กังนัมคลินิกทุกสาขาใกล้บ้านหรือช่องทางออนไลน์ได้เลย