เผยสาเหตุ หน้าไม่เรียบเนียน เกิดจากอะไร? แก้ยังไงให้เห็นผลไวภายใน 2 เดือน
อีกหนึ่งปัญหาผิวที่ทำหลายๆ คนต่างกังวลจนหมดความมั่นใจกันอย่างมากนั้นก็คือ ปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียน ดังนั้นในบทความนี้หมอจะขอมาให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหาผิวไม่เรียบเนียนกันบ้างว่าเกิดจากอะไร มีกี่แบบและมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง
หน้าไม่เรียบเนียน คืออะไร
ปัญหาหน้าไม่เรียบเนียนคือสภาพผิวแบบหนึ่งที่สามารถสัมผัสที่มองเห็นด้วยตาว่าผิวมีความขรุขระ ไม่เรียบเนียน ซึ่งปัญหานี้โดยส่วนใหญ่จะส่งผลในเรื่องของความมั่นใจเพราะจะทำให้ผิวดูไม่สวยเรียบเนียน แต่งหน้าเป็นคราบ แต่งหน้าตกร่องและทำให้เครื่องสำอางไม่ติดทนนาน
หน้าไม่เรียบเนียน มีกี่แบบ
ปัญหาหน้าไม่เรียบเนียนนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายแบบขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เป็นตัวการ ดังนี้
1. หน้าไม่เรียบเนียนจากปัญหาสิว (Acne)
เป็นอีกตัวแปรสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นปัจจัยที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศ ทุกวัยและเป็นปัจจัยที่สามารถพบได้บ่อยที่สุด และสามารถพบได้กับสิวอีกหลายประเภท ดังนี้
- หน้าไม่เรียบเนียนจากสิวผด (Aestivalis)
เป็นลักษณะสิวที่คล้ายตุ่มเล็กๆ ซ่อนอยู่ใต้ชั้นผิว ไม่มีหัวสิวให้กดออก แต่เวลาลูบหรือสัมผัสจะรู้สึกได้ว่าผิวไม่เรียบเนียน ซึ่งมักเกิดขึ้นจากการระคายเคืองของผิวจากถูกแสงแดด ฝุ่น อากาศร้อนและมลภาวะทำร้าย - หน้าไม่เรียบเนียนจากสิวอุดตัน (Comedones)
มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ใต้ชั้นผิวโดยมีหัวสิวโผล่ขึ้นเล็กน้อย จัดเป็นสิวกลุ่มไม่อักเสบ เมื่อสัมผัสถึงจะรู้ว่ามีก้อนสิวอยู่ เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนบนผิวหนัง ซึ่งเป็นสิวประเภทที่ต้องรักษาด้วยทำการเจาะและกดเอาหัวออกมา - หน้าไม่เรียบเนียนจากสิวอักเสบ (Inflammatory)
มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงมีทั้งแบบขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ในบางรายอาจมีอาการเจ็บร่วมด้วย มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย - หน้าไม่เรียบเนียนจากสิวหัวช้าง (Nodulocystic)
มีลักษณะเม็ดสิวที่ค่อนข้างใหญ่มีอาการอักเสบแบบรุนแรงในชั้นหนังแท้ทำให้มีอาการเจ็บร่วมด้วยและเป็นสิวประเภทที่รักษายากมากๆ - หน้าไม่เรียบเนียนจากสิวสเตียรอยด์
เป็นสิวที่เกิดขึ้นจากการใช้สารสเตียรอยด์ติดต่อกันไปนานๆ ทั้งแบบทาและแบบทาน จนทำผิวหนังอักเสบและเป็นสิวขึ้นได้
2. หน้าไม่เรียบเนียนจากรูขุมขนกว้าง
ปัญหารูขุมขนกว้างนั้นมักเกิดขึ้นในบริเวณ T-Zone อย่างจมูกและแก้ม โดยเกิดขึ้นจากที่ต่อมผลิตไขมันทำการผลิตเอาน้ำมันส่วนเกินออกมามากเกินไปจนทำให้รูขุมขนเกิดการขยายตัวตามไปด้วย ซึ่งปัญหานี้จะทำให้ผิวหน้าดูมีความไม่เรียบเนียนและมีปัญหาผิวมันร่วมด้วย นอกจากนั้นยังกระตุ้นก่อให้เกิดเป็นสิวได้ง่ายมากๆ
3. หน้าไม่เรียบเนียนจากโรคผิวหนัง
ปัญหาของโรคผิวหนังนั้นก็ถือเป็นอีกจุดสำคัญที่ส่งผลทำให้ผิวเกิดความไม่เรียบเนียน ซึ่งโรคผิวหนังที่สามารถพบได้บ่อยๆ คือ เนื้องอก (Neoplasms) และอาการอักเสบของผิวจนเกิดเป็นผิวถลอก ผิวลอกเป็นขุยเป็นต้น
4. หน้าไม่เรียบเนียนเป็นตุ่ม
สาเหตุนี้ตุ่มส่วนใหญ่มักจะเป็นตุ่มซีสต์ (Cyst) หรือที่เรียกว่าสิวข้าวสาร (Milia) ที่มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ ไม่มีหัว และมักพบได้ในกลุ่มผิวชั้นตื้นซึ่งเกิดจากการสะสมของสารเคราตินในชั้นผิวจึงถูกจัดว่าเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง
5. หน้าไม่เรียบเนียนจากหลุมสิว
รอยหลุมสิว (Atrophic Scars) จัดเป็นแผลเป็นที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดสิวต่างๆ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการถูกแบคทีเรียสิวหรือการอักเสบของผิวจากการกดสิว จนทำให้กระบวนการสมานแผลของเนื้อเยื่อที่ไม่ดีพอจึงทำให้ผิวเกิดการยุบตัวกลายเป็นหลุมสิว ส่งผลทำให้ผิวมีลักษณะเป็นหลุมเป็นบ่อไม่เรียบเนียน
6. หน้าไม่เรียบเนียนจากริ้วรอย
ปัญหาริ้วรอย (Wrinkles) เป็นปัญหาที่สามารถพบได้ในกลุ่มคนที่ค่อนข้างมีอายุ เนื่องจากร่างกายทำการผลิตคอลลาเจนออกมาได้น้อยลง ส่งผลทำให้ชั้นผิวที่มีคอลลาเจนเกิดเป็นช่องว่างจนทำให้ผิวด้านนอกเกิดการยุบตัวลงไปตามกฎแรงโน้มถ่วง จนกลายเป็นริ้วรอย ร่องลึก
7. หน้าไม่เรียบเนียนจากสภาพผิวแห้ง
สภาพผิวแห้ง (Dry skin หรือ Xerosis) เป็นสภาพผิวประเภทหนึ่งที่มีอาการผิวแห้งตึง แห้งลอกเป็นขุย สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัยแต่จะพบได้มากที่สุดในกลุ่มวัยผู้ใหญ่ หรือมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่สภาพอากาศหนาว เป็นสภาพผิวที่ต้องเน้นการบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นขึ้น
8. หน้าไม่เรียบเนียนจากขน
ปัญหาขนหน้าก็ถือเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผิวหน้าเกิดความไม่เรียบเนียนขึ้นได้ เพราะมักจะทำให้แต่งหน้าแล้วหน้าเป็นรอยเส้นขน ซึ่งมักพบในกลุ่มคนที่มีปัญหาขนดกที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุเช่น พันธุกรรม นิสัยการโกนขนหน้า และการใช้ยาบางกลุ่มเป็นเวลานานๆ อย่างเช่น ยาสเตียรอยด์ ยาไมนอกซิดิลและยาคุมกำเนิดบางประเภท
หน้าไม่เรียบเนียน เกิดจากอะไร
สาเหตุที่เป็นปัจจัยก่อให้เกิดหน้าไม่เรียบเนียนนั้นมีอยู่ได้หลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งสามารถจำแนกได้ออกเป็นดังนี้
- ความเครียด
เมื่อร่างกายมีความเครียดร่างกายจะทำการหลั่งฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) ออกมาซึ่งจะทำให้ระบบต่างๆ ของร่างเกิดการแปรปรวน ซึ่งอาจไปกระตุ้นการอุดตันของต่อมไขมันจนเกิดสิวขึ้นได้ - มลภาวะต่างๆ
เช่น แสงแดด ฝุ่น pm2.5 ซึ่งถือเป็นตัวแปรสำคัญที่เราหลีกเลี่ยงได้ยากเนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะอยู่ในอากาศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะไปกระตุ้นทำให้ผิวเกิดความเสื่อมโทรม ทำให้คอลลาเจนในผิวถูกทำลายและยังก่อให้เกิดสิวผดได้ง่าย - การดูแลผิวที่ไม่พอดี
เช่น การล้างหน้าไม่สะอาด การใช้ครีมบำรุงไม่ตรงกับสภาพผิวของตนเองซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดอาการผิวแพ้ระคายเคือง จนสู่ปัญหาสิว เกิดผื่นแพ้ขึ้นได้ - อายุที่มากขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายก็จะผลิตคอลลาเจนออกมาได้น้อยลงส่งผลต่อความแข็งแรงขึ้นชั้นผิว ทำให้นำไปสู่ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย ผิวเหี่ยวขึ้นได้ - การสะสมของเซลล์ผิวเก่าและแบคทีเรีย
เมื่อร่างกายเข้าสู่กระบวนการผลัดเซลล์ผิวแล้วแต่เซลล์ผิวเก่ายังเกาะติดอยู่ที่ผิวร่วมกับสิ่งสกปรกและแบคทีเรียต่างๆ จนนำไปสู่การหมักหมมและอักเสบกลายเป็นสิวอักเสบ สิวหัวช้างขึ้นได้ - พันธุกรรม
การส่งผลต่อทางพันธุกรรมถือเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญของสภาพผิวเช่น ลักษณะของรูขุมขนที่กว้าง ลักษณะขนที่เยอะ รวมไปถึงลักษณะความบอบบาง แพ้ระคายเคืองง่ายของผิวเป็นต้น - ฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนก็สำคัญอย่างมาก ซึ่งจะสามารถพบในช่วงวัยรุ่นและกลุ่มคนตั้งครรภ์เยอะที่สุดเพราะเป็นช่วงที่ร่างกายมีการเปลี่ยนฮอร์โมนอย่างมาก จึงจะสังเกตได้ว่าคนกลุ่มนี้จะมีปัญหาสิวและรูขุมขนกว้างได้ง่าย
วิธีการดูแลผิวหน้าไม่เรียบเนียน
สำหรับวิธีการดูแลผิวหน้าที่ไม่เรียบเนียนให้กลับมาเรียบเนียนสุขภาพดีขึ้นอีกครั้งนั้นเราขอแนะนำทั้งหมด 5 สำคัญดังนี้
ล้างหน้าให้สะอาด
การล้างทำความสะอาดผิวนั้นถือเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมาก และเป็นสิ่งที่หลายๆ คนต่างพากันมองข้ามด้วยเช่นกันโดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่ค่อยแต่งหน้า มักจะคิดว่าการล้างหน้านั้นแค่ล้างด้วยน้ำปกติหรือล้างด้วยโฟมล้างหน้าแบบทั่วไปก็เพียงพอ
ซึ่งความจริงแล้วควรจะใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มคลีนเซอร์เพื่อเช็ดเอาฝุ่นและเครื่องสำอางออกก่อนแล้วจึงล้างด้วยคลีนเซอร์หรือโฟมเพื่อให้ผิวสะอาด ลดโอกาสเกิดสิว และที่สำคัญต้องล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติห้ามน้ำร้อนอย่างเด็ดขาดเพราะจะทำให้ผิวแห้งขึ้นได้
ใช้สกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิว
แน่นอนว่าการใช้สกินแคร์เองก็มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งก่อนอื่นก็ควรจะรู้ก่อนว่าเรามีสภาพผิวแบบไหน เช่น ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวเป็นสิว หรือกลุ่มผิวผสม ซึ่งในปัจจุบันสกินแคร์ที่วางขายตามท้องตลาดก็ได้มีการผลิตออกมาให้ตอบโจทย์กับปัญหาผิวต่างๆ ซึ่งหากใครที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองมีสภาพผิวแบบไหนก็สามารถเข้าพบกับหมอผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยประเมินสภาพผิวให้ได้
การสครับผิว
การสครับหรือขัดผิวหน้านั้นจะเป็นวิธีการช่วยขจัดสิ่งสกปรก รวมไปถึงเซลล์ผิวเก่าๆ ให้หลุดออก เพื่อลดโอกาสการหมักหมมจนเกิดเป็นสิวอุดตันเกิดขึ้น และนอกจากนั้นยังเป็นการช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกให้หลุดออกทำให้เราสามารถเผยเซลล์ผิวใหม่ที่มีความเรียบเนียนกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
การทาครีมกันแดดนั้นมีความจำเป็นต่อผิวอย่างมาก เพราะจะเป็นการช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายจากแสงแดด แสงไฟ แสงยูวี เพราะได้มีงานวิจัยออกมาแล้วว่าการทาครีมกันแดดนั้นยังสามารถช่วยฟื้นฟูปัญหาผิวต่างๆ ได้ในระยะยาวไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย กระ รอยแผลสิวต่างๆ
การรักษาผิวหน้าไม่เรียบเนียนโดยแพทย์ผิวหนัง
การเข้าพบกับแพทย์ผิวหนังถือเป็นทางเลือกในการรักษาปัญหาผิวไม่เรียบเนียนได้ดีที่สุด เนื่องจากก่อนทำการรักษาแพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวก่อนว่าเรามีปัญหาไม่เรียบเนียนจากสาเหตุใด และเราเหมาะกับหัตถการรักษาผิวประเภทใด ซึ่งหัตถการยอดนิยมที่สามารถพบได้ตามสถานความงามจะมีดังนี้
หัตถการกลุ่มเมโส : คือการสะกิดส่งตัวยาเช้าไปยังชั้นผิวเพื่อให้ตัวยาเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้เพิ่มขึ้นและบำรุงผิวให้กลับมาเรียบเนียน กระจ่างใส ปรับผิวให้แข็งแรงรวมถึงช่วยลดโอกาสการเกิดสิวและปัญหาผิวต่างๆ ได้ดี เช่น Rejuran, Crytal DNA, Made Collagen, Filorga, exosome และ Chanel (NCFS 140HPn) เป็นต้น
หัตถการกลุ่มเลเซอร์ผิว : คือการใช้แสงเลเซอร์ในการยิงเข้าไปยังชั้นผิวที่มีปัญหาเพื่อให้ตัวเลเซอร์ไปกระตุ้นการสร้างตัวของคอลลาเจนและอีลาสติน รวมถึงช่วยกำจัดเม็ดสีเมลานินทำให้ผิวมีความกระจ่างใส เรียบเนียนมากยิ่งขึ้น เช่น Pico Laser, IPL, Q-Switch Laser และ Dual Yellow Laser เป็นต้น
หัตถการกลุ่มการใช้ยาหรือสารบำรุงผิว : วิธีนี้คือการใช้วิตามินเอ (เรตินอล), การใช้สารกลุ่มเร่งการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งเป็นกลุ่มตัวยาที่มีประสิทธิภาพในการเร่งการผลัดเซลล์ผิวและช่วยยับโอกาสการเกิดสิว รอยสิว และชะลอการเกิดริ้วรอยต่างๆ ได้ดี
หัตถการกดสิว : เพื่อกดเอาหัวสิวอุดตัน กลุ่มเนื้องอก ซีสต์ที่ซ่อนอยู่ใต้ชั้นผิวออกเพื่อให้ผิวมีความเรียบเนียนขึ้น จากนั้นจึงค่อยทำการรักษารอยแผลกดสิวตามลำดับ
สรุป
ปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนขึ้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุปัจจัยไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ สภาพอาการ เกิดจากโรคผิวหนัง เกิดจากสิวต่างๆ อย่างสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวเม็ดข้าวสารที่หลบตัวอยู่ใต้ชั้นผิวจนทำให้ผิวมีความไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอกัน
ซึ่งเราสามารถรักษาได้ด้วยหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการดูแลตัวเองอย่างการใช้สกินแคร์บำรุงผิว การล้างหน้าให้สะอาดหรือให้หัตถการอย่าง เมโส, การทำเลเซอร์หน้า หรือการกดสิวเข้าช่วยได้ แต่ทั้งนี้หัตถการเหล่านี้ควรทำการปรึกษาหมอผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำทุกครั้ง สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนสามารถติดต่อเข้ามาปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญของกังนัมคลินิกได้ที่กังนัมคลินิกทุกสาขาใกล้บ้านหรือช่องทางออนไลน์