Sculptra VS Radiesse ตัวไหนเหมาะกับใคร เลือกตัวไหนดี?

Sculptra VS Radiesse เลือกตัวไหนดี เหมาะกับใครบ้าง

Sculptra vs Radiesse เลือกฉีดตัวไหนดี? แน่นอนว่าหากจะให้พูดถึงหัตถการงานฉีดผิวกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้เพิ่มมากขึ้นนั้นหลาย ๆ คนก็คงจะนึกถึง 2 ตัวนี้เป็นหลัก ๆ กันอย่างแน่นอน แต่ก็ยังมีหลายคนที่กำลังสงสัยและลังเลอยู่ว่าแต่ละตัวต่างกันอย่างไร ตัวไหนเหมาะกับใครบ้างและควรเลือกฉีดตัวไหนดี ดังนั้นในบทความนี้เราเลยได้คัดสรรข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับทั้ง 2 หัตถการมาไว้ให้แล้ว

Sculptra vs Radiesse คืออะไร

Sculptra vs Radiesse นั้นจัดเป็นหัตถการฉีดผิวที่มีจุดเด่นในเรื่องของการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin) ในชั้นผิวให้เพิ่มมากขึ้นส่งผลทำให้ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย แก้ปัญหาริ้วรอย และทำให้โครงสร้างผิวกลับมาแน่นเฟิร์มและสุขภาพดีได้

ซึ่งในไทยก็ได้มีหลาย ๆ คลินิกที่ได้มีการตั้งชื่อหัตถการนี้ว่า “ไหมน้ำ” เนื่องจากผลลัพธ์หลังทำนั้นมีความคล้ายคลึงและยังมีส่วนประกอบของตัวยาตัวเดียวกันที่สามารถพบได้ในเส้นไหมในหัตถการร้อยไหมนั่นเอง

Sculptra คืออะไร

sculptra คืออะไร

Sculptra มีส่วนประกอบของสาร PLLA หรือ Poly-L-Lactic acid เป็นหนึ่งในสารที่มีงานวิจัยเข้ามารองรับกว่า 50 ฉบับว่ามีส่วนช่วยในการกระตุ้นการผลิต Collagen Type I ในชั้นผิวให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่สามารถพบได้มากที่ในร่างกายของมนุษย์

ช่วยเรื่องอะไร

  • กระตุ้นการสร้าง Collagen Type I ได้มากถึง 66%
  • ช่วยปรับผิวให้มีความกระชับขึ้น แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย
  • ช่วยปรับโครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น
  • ช่วยในการเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว
  • ให้ผิวมีความอิ่มฟู

การเห็นผลลัพธ์ : ฉีด 1 ครั้งอยู่ได้ 2-4 เดือน แต่หากฉีดอย่างต่อเนื่อง 2-3 ครั้งจะเห็นผลได้นานประมาณ 2 ปี

ตำแหน่งที่เหมาะกับการฉีด : หน้าแก้ม ขมับและกรอบหน้า แต่ไม่เหมาะกับการฉีดในบริเวณทีโซน (T-Zone)

การเห็นผลของ sculptra และตำแหน่งที่เหมาะกับการฉีด

ซึ่งตัว Sculptra นั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์จากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัท กัลเดอร์มา บริษัทผู้ผลิตเดียวกับโบท็อกซ์ Dysport และ ฟิลเลอร์ Restylane จึงมั่นใจได้เลยว่ามีความปลอดภัยต่อร่างกายอย่างมาก เนื่องจากมีการถูกนำมาใช้อย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 และในปัจจุบันยังผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากอย.ไทยและอเมริกาเรียบร้อยแล้ว

Radiesse คืออะไร

Radiesse คืออะไร

Radiesse มีส่วนประกอบของ CaHA หรือ Calcium Hydroxylapatite microsphere 33% ซึ่งเป็นตัวสารที่สามารถพบได้ในร่างกายมนุษย์ในส่วนฟันและกระดูก โดยสารตัวนี้จะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนถึง 2 ชนิดคือ Collagen Type I และ Collagen Type III และเส้นใยอีลาสตินในชั้นผิวให้เพิ่มมากขึ้น

ช่วยเรื่องอะไร

  • ช่วยกระตุ้นการสร้าง Collagen Type I ได้ถึง 150% และ Collagen Type III ได้ถึง 130%
  • ปรับผิวให้มีความเฟิร์มกระชับ ผิวแน่นเด้ง
  • ช่วยทำให้ผิวสุขภาพดีขึ้น
  • ช่วยลดริ้วรอย ร่องลึก
  • ปรับผิวให้อ่อนเยาว์ขึ้น

การเห็นผลลัพธ์ : ฉีด 1 ครั้งอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี

ตำแหน่งที่เหมาะกับการฉีด : ร่องแก้ม หน้าแก้ม ร่องน้ำหมาก ส่วนร่องมุมปาก คาง กรอบหน้า คอและหลังมือ แต่ไม่แนะนำให้ฉีดในตำแหน่งรอบดวงตา จมูก รอบริมฝีปาก ริมฝีปากและระหว่างคิ้ว

การเห็นผลของ Radiesse และตำแหน่งที่เหมาะกับการฉีด

โดยตัว Radiesse เองก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์จากบริษัท Merz Aesthetics อีกหนึ่งบริษัทที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับหัตถการความงามมาอย่างยาวนานเช่น ฟิลเลอร์ BELOTERO และเครื่องอัลเทอร่า เป็นต้น และตัวยา Radiesse เองยังมีการผ่านการรับรองความปลอดภัยจากอย. ของไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย

Sculptra vs Radiesse เหมือนหรือต่างกันอย่างไร

แน่นอนว่าทั้งตัว Sculptra และ Radiesse เองก็มีทั้งส่วนที่เหมือนกันนั้นก็คือในเรื่องของผลลัพธ์ในเรื่องการฟื้นฟูเซลล์ผิวได้ถึงโครงสร้างของเซลล์ผิวและก็มีส่วนที่แตกต่างกันดังนี้

ความแตกต่างของ Sculptra vs Radiesse


SculptraRadiesse
ส่วนประกอบPLLA (Poly-L-Lactic acid)CaHA (Calcium Hydroxylapatite )
จุดเด่น– กระตุ้นคอลลาเจน type 1
– ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้ผิว
– ปรับผิวให้กระชับขึ้น
– ผิวแน่น โครงสร้างผิวดีขึ้น
– กระตุ้นคอลลาเจน type 1 และ type 3
– ช่วยความชุ่มชื้นให้ผิว
– ป้องกันและลดริ้วรอย ปรับผิวให้เรียบเนียน
– ปรับผิวให้แข็งแรง
ตำแหน่งในการฉีดหน้าแก้ม ขมับ กรอบหน้าร่องแก้ม หน้าแก้ม ร่องน้ำหมาก ส่วนร่องมุมปาก คาง กรอบหน้า คอ หลังมือ
การเห็นผลเริ่มเห็นผลหลังทำประมาณ 1 เดือนเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันหลังทำ
อยู่ได้นานแค่ไหนอยู่ได้นาน 2 ปีอยู่ได้นาน 2 ปี
ปริมาณตัวยา1 ขวดมี 10 CC1 กล่องมี 1 ไซริงค์ (ปริมาณ 1.5 CC)

Sculptra vs Radiesse เหมาะกับใครบ้าง

Sculptra เหมาะกับใคร

Sculptra เหมาะกับใคร
  • ผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้น
  • ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวขาดความยืดหยุ่น ผิวย้วย
  • ผู้ที่ต้องการปรับผิวให้มีความอ่อนเยาว์ขึ้น

Radiesse เหมาะกับใคร

Radiesse เหมาะกับใคร
  • ผู้ที่อายุ 30 ปีขึ้น
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวเหี่ยว ผิวแก่กว่าวัย
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
  • ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งผิวขาดน้ำ

Sculptra vs Radiesse เลือกฉีดตัวไหนดี

สำหรับใครที่ลังเลอยู่ว่าควรจะเลือกฉีดตัวไหนดีนั้นระหว่าง Sculptra และ Radiesse เราขอแนะนำข้อที่ควรพิจารณาหลัก ๆ อยู่ 3 เรื่องสำคัญด้วยกันก็คือ

1. สภาพผิวเดิมของลูกค้า

เนื่องจากว่าตัวส่วนประกอบของทั้ง Sculptra และ Radiesse นั้นมีความแตกต่างกันมาก ๆ จึงส่งผลในเรื่องของการช่วยฟื้นฟูผิวที่แตกต่างกันอีกด้วย นั้นการวิเคราะห์สภาพผิวตัวเองก่อนว่ามีปัญหาอะไร บ้างจะช่วยในการตัดสินใจได้ดี เช่น ถ้าในกรณีมีปัญหาผิวจากชั้นกระดูก มีร่องลึก มีริ้วรอยมากๆ จะเหมาะกับการฉีด Radiesse มากกว่า Sculptra

2. ผลลัพธ์ที่ต้องการ

เพราะทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นั้นมีจุดเด่นในเรื่องของการช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนเหมือนกันทั้งคู่ จึงเหมาะมากกับลูกค้าที่ต้องการปรับผิวให้อ่อนเยาว์ขึ้น แต่ทว่าตัว Radiesse จะมีความพิเศษในเรื่องของการช่วยเติมน้ำหรือเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีกว่า จึงเหมาะกับลูกค้าที่มีปัญหาผิวแห้งขาดน้ำมากกว่าการฉีด Sculptra นั่นเอง

3. ราคาค่าใช้จ่าย

แน่นอนว่าทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นั้นจะมีราคาที่แตกต่างกันออกไปเนื่องมาจากในการทำหัตถการแต่ละครั้งจะมีการใช้จำนวนปริมาณยาที่แตกต่าง โดย Sculptra จะแนะนำให้ฉีดครั้งละ 1-2 ขวดส่วน Radiesse แนะนำให้ฉีดครั้งละ 1-3 หลอดจึงทำให้การทำ Radiesse นั้นจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากกว่า

หรือสำหรับใครก็ยังตัดสินใจไม่ได้อยู่นั้น แนะนำว่าให้เข้าปรึกษากับหมอเพื่อให้ช่วยประเมินถึงสภาพผิวของลูกค้าว่าเหมาะกับการฉีดตัวไหนมากกว่ากันนั่นเอง

Sculptra vs Radiesse สามารถฉีดคู่กันได้ไหม

ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นั้นถือว่าสามารถทำร่วมกันได้ และสามารถฉีดพร้อม ๆ กันได้เลยในกรณีที่มีการใช้ฉีดคนละตำแหน่ง แต่หากต้องการฉีดในตำแหน่งบริเวณเดียวกันนั้นหมอจะแนะนำให้มีการเว้นช่วงระยะห่างอยู่ที่ประมาณ 1-3 เดือน

Sculptra vs Radiesse สามารถทำร่วมกับหัตถการฉีดหน้าอื่น ๆ ได้ไหม

ทั้งตัว Sculptra และ Radiesse นั้นสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ทั้งหมดทุกประเภทของหัตถการเช่น การฉีดเมโสหน้าใส, การฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า, การฉีดโบท็อกซ์, การร้อยไหม หรือการทำเลเซอร์งานผิวต่าง ๆ แต่ก่อนทำควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้งเนื่องจากว่าแต่ละหัตถการจะต้องมีการเว้นระยะห่างในการทำที่แตกต่างกันออกไป

ราคาค่าฉีด Sculptra vs Radiesse

ในเรื่องของราคาค่าใช้จ่ายในการทำหัตถการนั้นจะมีราคาที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่โปรโมชั่นของแต่ละสถานให้บริการความงาม ซึ่งสำหรับโปรโมชั่นที่กังนัมคลินิกมีดังนี้

  • Sculptra
    ราคาเริ่มต้นที่ 1 CC = 3,500 บาท
  • Radiesse
    ราคา 1 กล่อง = 36,000 บาท
    ราคา 2 กล่อง = 66,000 บาท แถมฟรี! Rejuran หรือ Crystal DNA

สรุป

Sculptra และ Radiesse จัดเป็นหนึ่งในหัตถการงานผิวกลุ่มฉีดที่มีจุดเด่นในเรื่องของส่วนประกอบที่จะเข้าไปช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินในชั้นผิวให้เพิ่มมากขึ้น จึงช่วยในเรื่องของการปรับผิวให้แน่นกระชับ ผิวเต่งตึง ช่วยลดริ้วรอย ร่องลึกและปรับผิวให้มีความอ่อนเยาว์ขึ้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นั้นจะมีความเหมาะสมแต่ละปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงในเรื่องของราคาค่าใช้จ่าย

ดังนั้นหากใครที่สนใจแต่ยังไม่รู้ว่าควรจะเลือกฉีดตัวไหนดีนั้น สามารถเข้าพบและปรึกษากับหมอผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการประเมินและให้หมอช่วยแนะนำผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับตัวเองได้ก่อนตัดสินใจทำทุกครั้ง แต่ทั้งนี้ก็ควรเลือกรับบริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐานฉีดตัวผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ผ่านอย. จึงขอแนะนำที่กังนัมคลินิกได้ทุกสาขาใกล้บ้านหรือติดต่อได้ทาง Line : @gangnamclinic

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง