ดริปผิว กับ ฉีดผิว ต่างกันยังไง แบบไหนเหมาะกับใครบ้าง
หากจะให้พูดถึงหัตถการดูแลผิวหน้าและผิวกายในคราวเดียวกัน หลาย ๆ คนก็คงจะคิดถึงการดริปผิวหรือการฉีดผิวกันไม่น้อย แต่แน่นอนว่ายังมีหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าทั้ง 2 หัตถการนั้นมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ช่วยเรื่องอะไร เหมาะกับใคร และอันตรายหรือไม่ ดังนั้นเราจึงได้รวบรวมข้อมูลมาไว้ในบทความนี้เรียบร้อยแล้ว
ดริปผิว กับ ฉีดผิว คืออะไร
การดริปผิวหรือการฉีดผิวนั้นจัดเป็นหัตถการตัวช่วยในการฟื้นบำรุงผิวด้วยการฉีดตัวยาวิตามินเข้าร่างกายผ่านทางเส้นเลือดดำ จึงส่งผลทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมและนำเหล่าวิตามิน แร่ธาตุในตัวยาไปใช้ได้อย่างรวดเร็วและสามารถดูดซึมตัวยาได้มากกว่าการทานหลายเท่าตัว
ซึ่งทั้งการดริปผิวและการฉีดผิวนั้นต่างมีต้นกำเนิดมาด้วยจุดเดียวกันก็คือการใช้ในการรักษาโรคในช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 จากนั้นก็ได้มีการพัฒนาสูตรตัวยาให้หลากหลายขึ้นจนได้มีสูตรในการช่วยฟื้นบำรุงด้านผิวพรรณแบบในปัจจุบัน
ดริปผิว กับ ฉีดผิว ต่างกันยังไง
แน่นอนว่าแม้ว่าทั้งการดริปผิวและการฉีดผิวนั้นจะเป็นวิธีการส่งวิตามินเข้าร่างกายเหมือนกัน แต่ทั้ง 2 มีความแตกต่างกันอยู่หลัก ๆ ในเรื่องของกระบวนการทำ ดังนี้
- การดริปผิว
วิธีนี้ทางการแพทย์จะเรียกว่า IV Drip หรือ IV Infusionวิธีนี้จะต้องเอาตัวยาไปผสมกับตัวสารน้ำเพื่อเจือจางเสียก่อนจากนั้นจึงค่อยปล่อยตัวยาเข้าสู่ร่างกายคล้ายกับการให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล ซึ่งจะเหมาะกับสูตรที่ตัวยามีความเข้มข้นมาก ๆ หากฉีดเข้าร่างกายโดยตรงก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้
(อ่านบทความเกี่ยวกับ ดริปผิว ที่ละเอียดมากขึ้น: ดริปวิตามิน ดีจริงไหม ช่วยอะไรบ้างเหมาะกับใคร และควรทำบ่อยแค่ไหน)
- การฉีดผิว
วิธีนี้ทางการแพทย์จะเรียกว่า IV Push หรือ IV Bolus คือการฉีดตัวยาเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรง ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการทำที่สั้นกว่าการดริปผิว ซึ่งจะเป็นวิธีที่เหมาะมากกับการใช้ตัวยาที่มีระดับความเข้มข้นไม่ได้มาก เป็นยาที่ไม่เป็นอันตรายหากฉีดเข้าร่างกายแบบรวดเร็วนั่นเอง
(อ่านบทความเกี่ยวกับ ฉีดผิว ที่ละเอียดมากขึ้น: ฉีดวิตามินผิวครั้งแรกควรรู้อะไรบ้าง ช่วยให้ผิวขาวจริงไหม ฉีดที่ไหนดี ราคาเท่าไหร่)
ดริปผิว กับ ฉีดผิว ช่วยเรื่องอะไร
ซึ่งทั้งการดริปผิวและการฉีดผิวนั้นจะสามารถช่วยได้ทั้งการฟื้นฟูร่างกายและบำรุงผิวพรรณ เช่น
ด้านสุขภาพ
- ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
- ช่วยลดอาการอ่อนล้า อ่อนเพลียจากการทำงานหนัก หรือการพักผ่อนน้อย
- ช่วยฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายให้กลับมาแข็งแรงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านผิวพรรณ
- ช่วยบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้น ปรับผิวอิ่มน้ำฉ่ำฟู
- ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- ช่วยลดรอยดำ จุดด่างดำต่าง ๆ รอยแผลเป็น
- ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ร่องลึก
- ช่วยปรับผิวให้สุขภาพดี ผิวอมชมพูอย่างเป็นธรรมชาติ
- ช่วยปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ทำให้เพิ่มมีความยืดหยุ่นขึ้น
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวให้เพิ่มขึ้น
เหมาะหรือไม่เหมาะกับใครบ้าง
เหมาะกับใคร | ไม่เหมาะกับใคร |
– ผู้ที่ต้องการเสริมวิตามินและแร่ธาตุให้ร่างกายแบบรวดเร็ว – ผู้ที่ไม่มีเวลาในการดูแลตัวเองด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การทานวิตามิน การทาครีมบำรุงผิว – ผู้ที่ต้องการบำรุงผิวให้กระจ่างใส สุขภาพดีขึ้นอย่างรวดเร็ว – ผู้ที่ต้องการเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย – ผู้ที่อายุ 20 ปีขึ้นไป | – สตรีที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร – ผู้ป่วยโรคตับหรือโรคไต – ผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด – ผู้ป่วยโรคหัวใจหรือระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง – ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลิน – ผู้ที่ป่วยภาวะวิตามินเกิน |
อันตรายไหม และมีข้างเคียงหลังทำหรือไม่
หากจะให้พูดถึงหัตถการดริปผิวหรือฉีดผิวนั้นก็ถือว่ามีความปลอดภัยอยู่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ก็ต้องเข้ารับบริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐานมีการใช้สูตรตัวยาที่ตรงตามมาตรฐานของอย.ไทย และจะต้องทำกับหมอที่มีประสบการณ์สูง ที่สำคัญก่อนฉีดหากมีโรคประจำตัวควรแจ้งหมอให้ทราบทุกครั้ง
และในส่วนของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นนั้นก็จะเป็นผลข้างเคียงแบบปกติทั่วไปเช่น มีรอยแดง รอยช้ำจากเข็มในจุดที่ฉีด ซึ่งอาการดังกล่าวก็จะหายไปเองภายใน 3-5 วัน แต่หากคนไข้บางคนมีอาการผลข้างเคียงที่ไม่ปกติเช่น ใจสั่น หน้ามืด วิงเวียนศีรษะให้รีบเข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันที
ดริปผิว กับ ฉีดผิวเลือกทำแบบไหนดีกว่ากัน
สำหรับใครที่ลังเลอยู่ว่าควรจะเลือกการฉีดผิวหรือดริปผิวดีนั้น ก็ต้องตอบว่าทั้ง 2 วิธีให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกันและเทียบเท่ากัน ดังนั้นจะขึ้นอยู่กับหมอผู้ทำมากกว่าว่าจะแนะนำให้ใช้วิธีไหน เนื่องจากตัวยาวิตามินที่ใช้แต่ละตัวก็จะเหมาะสมกับวิธีที่แตกต่างกันออกไป โดยหากตัวยามีความเข้มข้นมาก ๆ ก็จะแนะนำให้ใช้วิธีดริปเพราะจะไม่เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายต่อร่างกายนั่นเอง
จำนวนครั้งในการทำ และการเห็นผลลัพธ์หลังทำ
ทั้งการดริปผิวและการฉีดผิวนั้นหากอยากได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนคนไข้จำเป็นจะต้องมีการทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้งขึ้นไป และหลังจากนั้นแนะนำให้ทำเดือนละ 1 ครั้งเพื่อคงผลลัพธ์ให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในการทำ 1 ครั้งจะเห็นผลได้ประมาณ 3-4 สัปดาห์
และทั้ง 2 หัตถการนั้นจะไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างทันทีหลังทำ โดยจะต้องรอให้ร่างกายมีการดูดเอาวิตามินและแร่ธาตุไปใช้เสียก่อนจึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์หลังทำไปแล้วประมาณ 1-2 วันหลังฉีด
โปรแกรมดริปผิว กับ ฉีดผิวที่กังนัมคลินิก
ซึ่งที่กังนัมคลินิกนั้นเราเองก็มีบริการในด้านนี้เช่นกัน แต่เราจะเรียกโดยรวม ๆ ทั้งหมดว่าเป็น หัตถการฉีดผิว ซึ่งจะมีให้เลือกหลายโปรแกรม ดังนี้
โปรแกรม NAD+ IV Therapy
จุดเด่นของโปรแกรมตัวนี้คือช่วยในเรื่องของการซ่อมแซมโครงสร้าง DNA จึงช่วยละลอวัยของเซลล์ร่างกายและเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดี พร้อมกันช่วยฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรง กระปรี้กระเปร่า ซึ่งโปรแกรมนี้จะใช้การส่งตัวยาด้วยวิธีแบบดริปผิว
ราคาค่าใช้จ่าย : 1 ครั้ง 6,966 บาท, 5 ครั้ง 33,000 บาท, 10 ครั้ง 60,000 บาท
โปรแกรม Vital Glow
เป็นโปรแกรมยอดฮิตของทางกังนัมคลินิกเนื่องจากมีราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้ทุกวัน และตัวยายังเป็นวิตามินซีแบบเข้มข้น ทำให้ช่วยทั้งเรื่องของการเสริมระบบภูมิคุ้มกันและช่วยปรับผิวให้กระจ่างใสมากยิ่งขึ้น โดยวิธีนี้จะใช้การส่งตัวยาแบบฉีดผิว
ราคาค่าใช้จ่าย : 1 ครั้ง 500 บาท, 5 ครั้ง 2,000 บาท, 10 ครั้ง 3,500 บาท
โปรแกรม Meso Blink
โปรแกรมตัวนี้จะเหมาะกับคนที่ต้องการเน้นเรื่องการปรับผิวให้กระจ่างใส ลดผิวหมองคล้ำ แก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ซึ่งโปรแกรมนี้ด้วยความที่ตัวยามีความเข้มข้นมาก ๆ จึงจะต้องใช้การฉีดแบบเข้าทางกล้ามเนื้อแทนการฉีดเข้าทางเส้นเลือด
ราคาค่าใช้จ่าย : 1 ครั้ง 2,000 บาท, 5 ครั้ง 6,500 บาท, 10 ครั้ง 10,000 บาท
โปรแกรม Aura White Skin
โปรแกรมนี้จะเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่ช่วยเรื่องของการปรับผิวให้กระจ่างใสขึ้น กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และช่วยขับสารพิษออกจากตับด้วยส่วนประกอบสำคัญอย่างกลูต้า
ราคาค่าใช้จ่าย : 1 ครั้ง 2,500 บาท, 5 ครั้ง 11,000 บาท, 10 ครั้ง 20,000 บาท
โปรแกรม Extra White Plus
โปรแกรมนี้จะเด่นในเรื่องของการฟื้นฟูเซลล์ผิวให้แข็งแรง ทำให้โครงสร้างผิวสุขภาพดีขึ้น ช่วยปรับผิวให้ชุ่มชื้นขึ้นและกระจ่างใสขึ้นกว่าเดิม
ราคาค่าใช้จ่าย : 1 ครั้ง 1,500 บาท, 5 ครั้ง 6,500 บาท, 10 ครั้ง 10,000 บาท
โปรแกรม Fairy Cocktail
เป็นโปรแกรมที่เน้นส่วนประกอบสำคัญอย่างวิตามินบีรวม จึงช่วยลดอาการอ่อนล้า อ่อนเพลีย และเสริมให้ร่างกายสดชื่น พร้อมยังช่วยปรับผิวให้มีความกระจ่างใสสุขภาพดีได้อีกด้วย
ราคาค่าใช้จ่าย : 1 ครั้ง 2,000 บาท, 5 ครั้ง 9,000 บาท, 10 ครั้ง 16,000 บาท
โปรแกรม Vitamin White Plus
เป็นโปรแกรมที่เน้นส่วนประกอบในเรื่องการบำรุงผม เล็บ และผิวพรรณ โดยเฉพาะการเสริมเคราตินในผมทำให้ผมสวยขึ้น แก้ปัญหาเล็บบาง เล็บขาดง่าย และยังช่วยบำรุงผิวให้สุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ
ราคาค่าใช้จ่าย : 1 ครั้ง 1,000 บาท, 5 ครั้ง 4,000 บาท, 10 ครั้ง 7,000 บาท
โปรแกรม Perfect White Radiance
โปรแกรมนี้จะเป็นอีกหนึ่งตัวที่ช่วยในเรื่องของการชะลอวัย พร้อมทั้งปรับผิวให้มีความกระจ่างใส ทำให้ผิวชุ่มชื้นยืดหยุ่นและสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ราคาค่าใช้จ่าย : 1 ครั้ง 5,500 บาท, 5 ครั้ง 25,000 บาท, 10 ครั้ง 48,000 บาท
ข้อดีของการทำที่กังนัมคลินิก
- มีโปรแกรมการดริปผิวหรือฉีดผิวให้เลือกหลากหลายโปรแกรม ตามความต้องการของคนไข้
- มีแพทย์เฉพาะทางคอยให้คำแนะนำ โดยสามารถปรึกษาปัญหาเพื่อให้แพทย์ช่วยเลือกโปรแกรมให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคนได้
- มีราคาโปรโมชั่นหลากหลาย สามารถเลือกได้ตามงบที่ลูกค้าตั้งไว้
- มีหลายสาขาให้บริการ โดยปัจจุบันกังนัมคลินิกมีมากกว่า 40 สาขาทั่วประเทศ
ข้อควรรู้ก่อนและหลังทำดริปผิว กับ ฉีดผิว
ก่อนทำ
- ศึกษาข้อมูลและส่วนประกอบของตัวยาที่ใช้ให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจทำ
- หากมีโรคประจำตัวหรือมีการทานยาเป็นประจำควรแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้งก่อนทำ
- นอนหลับให้เพียงพอ
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ก่อนทำ
- งดการอดอาหารก่อนทำ เพราะอาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนท้องได้
หลังทำ
- ในช่วง 15 นาทีแรกหลังทำงดปัสสาวะเพื่อไม่ให้ร่างกายขับเอาวิตามินออกไป
- นอนหลังพักผ่อนให้เพียงพอ
- ทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่และเลือกทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
- งดดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่
- ดื่มน้ำในปริมาณวันละ 8 แก้วต่อวัน เพื่อบำรุงทั้งร่างกายและผิวพรรณ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด หากมีอาการผิดปกติ เช่น ใจสั่น หน้ามืด วิงเวียนศีรษะควรรีบเข้าพบหมอย่างทันที
สรุป
การดริปผิวหรือการฉีดผิวนั้นถือว่าเป็นหัตถการที่มีทั้งความเหมือนและความแตกต่างกันอยู่ ซึ่งจุดที่เหมือนก็คือทั้งคู่เป็นการฉีดส่งตัวยาหรือวิตามินเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเส้นเลือดดำบริเวณข้อพับแขน แต่ส่วนที่ต่างคือการดริปผิวนั้นจะต้องนำตัววิตามินไปผสมกับสารน้ำแล้วจึงค่อยปล่อยเข้าสู่ร่างกายทีละนิดเหมือนการให้น้ำเกลือ ส่วนการฉีดผิวนั้นจะเป็นการฉีดวิตามินเข้าสู่ทางเส้นเลือดโดยตรงเลยทำให้วิธีการฉีดผิวนั้นใช้ระยะเวลาที่สั้นกว่า แต่ในเรื่องผลลัพธ์และการดูดซึมนั้นทั้งคู่ล้วนเห็นผลลัพธ์คล้ายคลึงกัน
สำหรับใครที่สนใจอยากรับบริการดริปผิวหรือฉีดผิวเราขอแนะนำที่กังนัมคลินิกได้ทุกสาขาใกล้บ้าน เรามีโปรแกรมให้เลือกหลากหลายตามความต้องการและตามสภาพปัญหาของลูกค้าแต่คน โดยสามารถติดต่อหรือสำรองคิวกับทางกังนัมคลินิกได้ทาง Line : @gangnamclinic
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
หน่วยคลังข้อมูลยาคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. วิธีการให้ยาทาง IV มีกี่แบบ แต่ละแบบมีคำนิยามอย่างไรบ้าง และมีความแตกต่างกันอย่างไร
https://pharmacy.mahidol.ac.th/dic/qa_full.php?id=3650
Vitamin Injections London. IV Push vs IV Infusion: Which One’s Better?
https://www.vitamininjections.co.uk/iv-push-vs-iv-infusion-which-is-better/
IV Bolus vs. IV Push | Mobile IV Nurses
https://mobileivnurses.com/blog/iv-bolus-vs-iv-push/