ร้อยไหมก้างปลา ช่วยเรื่องอะไรบ้าง อยู่ได้นานแค่ไหน พร้อมข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ

ร้อยไหมก้างปลา คืออะไร ดีไหม อยู่ได้นานไหม

การร้อยไหมก้างปลา เป็นหัตถการที่ช่วยยกกระชับผิว ปรับรูปหน้าให้เรียวและเต่งตึงขึ้น ซึ่งในปัจจุบันนั้นการร้อยไหมมีอยู่หลายแบบมากๆ แต่ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกถึงการร้อยไหมก้างปลาว่าคืออะไร ต่างกับการร้อยไหมแบบอื่นอย่างไร ต้องใช้เส้นไหมกี่เส้นถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

การร้อยไหมคืออะไร

เป็นหัตถการในการช่วยปรับยกกระชับใบหน้าให้มีความเรียวเข้ารูป แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยให้กลับมาเต่งตึงขึ้นด้วยการใช้วัสดุอย่างเส้นไหมที่เป็นวัสดุเกรดทางการแพทย์ที่สามารถละลายได้ในร่างกายโดยไม่ทิ้งสารตกค้างเป็นอันตรายเอาไว้ ซึ่งตัวเส้นไหมนั้นจะเป็นตัวช่วยในการพยุงผิวให้ยกกระชับขึ้น ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากเพราะเห็นผลได้ดี เห็นผลไว้และเห็นผลได้ยาวนาน

ร้อยไหมก้างปลาคืออะไร

ร้อยไหมก้างปลาคืออะไร

คือหัตถการร้อยไหมยกกระชับผิวประเภทหนึ่งที่มีลักษณะเป็นที่มีเงี่ยง (Bidirectional Barbed Thread หรือ Barb) คล้ายกับรูปทรงก้างปลาในการเข้ามาช่วยยกกระชับผิวให้เต่งตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวให้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดในจุดที่มีการร้อยไหมได้อีกด้วย

ร้อยไหมก้างปลา ช่วยอะไร

ร้อยไหมก้างปลาช่วยอะไร
  • ช่วยยกกระชับผิวให้มีความเต่งตึงขึ้น
  • ช่วยลดปัญหาริ้วรอย ร่องลึกตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
  • ช่วยปรับส่วนกรอบหน้าให้เรียวเข้ารูป สร้างกรอบหน้าที่ชัดมากยิ่งขึ้น
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวให้เพิ่มมากขึ้น
  • ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียนขึ้น

ร้อยไหมก้างปลามีกี่แบบ

การร้อยไหมก้างปลานั้นสามารถแบบออกได้เป็นหลายแบบไม่ว่าจะแบ่งตามลักษณะของเงี่ยงเส้นไหม, แบ่งตามวัสดุของเส้นไหมหรือแบ่งตามขนาดของเส้นไหม เป็นต้น

ร้อยไหมก้างปลามีเงี่ยงกี่แบบ

แบ่งตามลักษณะเงี่ยงไหม

1. เงี่ยงแบบบาก (Conventional Cut Suture)

เงี่ยงแบบบาก


เป็นลักษณะของเงี่ยงที่เกิดจากการใช้เลเซอร์มาบากเส้นไหมเพื่อให้เกิดรอยบากเป็นซี่ๆ เกิดขึ้นคล้ายกับรอยบากจากการใช้มีดตัดท่อนไม้ ซึ่งเงี่ยงแบบบากนั้นจะเป็นเงี่ยงขนาดเล็กสามารถหักและหลุดได้ง่าย โดยสามารถแบบเงี่ยงแบบบากออกได้เป็นอีก 3 แบบคือ

  • Uni-direction เป็นลักษณะของเงี่ยงไหมที่มีการเรียงตัวกันไปในทิศทางเดียวกัน
  • Bi-direction เป็นลักษณะของเงี่ยงไหมที่เรียงตัวกัน 2 ทิศทางแบบสวนทางกัน
  • 3D cog เป็นลักษณะเงี่ยงไหมที่เรียงตัวเป็นลักษณะ 3 มิติตามแนวรอบเส้นไหม

2. เงี่ยงแบบหล่อ (Mold Suture)

เงี่ยงแบบหล่อ

เงี่ยงแบบนี้จะมีถูกสร้างขึ้นมาโดยการหล่อจากแม่พิมพ์ขึ้นพร้อมๆ กับการสร้างเส้นไหมทำให้ตัวเงี่ยงมีความแข็งแรงทนทาน และสามารถยึดเกาะกับผิวได้ดีมากกว่าเงี่ยงแบบบากซึ่งเงี่ยงแบบหล่อนั้นก็สามารถแบ่งแยกย่อยได้อีก 3 แบบด้วยกันดังนี้

  • Carving cog เป็นลักษณะเงี่ยงที่คล้ายกับสามเหลี่ยมแยกออกมาจากเส้นไหม
  • Molding cog เป็นลักษณะเงี่ยงคล้ายกับฟันปลาฉลามหรือฟันเลื่อย
  • 3D Molding cog เป็นลักษณะเงี่ยงคล้ายกับหนามของต้นไม้

แบ่งตามวัสดุของเส้นไหม

โดยเส้นไหมที่ดีนั้นมักจะผิลตขึ้นมาจาก 3 วัสดุหลัก ๆ ดังนี้

1. วัสดุ PDO
มีความยืดหยุ่นปานกลาง มีความนิ่ม ไม่เปราะ ถือเป็นวัสดุไหมแบบแรกที่ถูกนำมาใช้ในวงการความงาม

เส้นไหมวัสดุ PDO

2.วัสดุ PLLA
วัสดุนี้ทำให้เส้นไหมมีความแข็ง สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้ดี แต่ก็มีข้อเสียคือเปราะง่าย

เส้นไหมวัสดุ PLLA

3. วัสดุ PCL
เป็นเส้นไหมรุ่นล่าสุดที่มีความยืดหยุ่นสูง มีลักษณะเป็นเส้นเล็กเหมาะกับการใช้ในจุดต้องการความละเอียดอ่อนซึ่งรุ่นนี้มีความพิเศษคือการรวมเอาวัสดุ PDO และ PLLA มารวมไว้ด้วยกันทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน

เส้นไหมวัสดุ PCL

แบ่งตามขนาดของเส้นไหม

ซึ่งเราจะสามารถแยกขนาดของเส้นไหมแต่ละขนาดได้ตามลักษณะของตัวเข็มที่ใช้ในการร้อยไหม โดยเราจะใช้มาตรฐานการวัดหน่วย U.S.P. นั่นเอง

  • เส้นไหมขนาด USP 5-0 ใช้เข็มสีเทาแบบ 27G
  • เส้นไหมขนาด USP 4-0 ใช้เข็มสีส้มแบบ 25G
  • เส้นไหมขนาด USP 3-0 ใช้เข็มสีฟ้าแบบ 23G
  • เส้นไหมขนาด USP 2-0 ใช้เข็มสีเขียวแบบ 21G
  • เส้นไหมขนาด USP 0 ใช้เข็มสีเหลืองอ่อนแบบ 20G
  • เส้นไหมขนาด USP 1 ใช้เข็มสีน้ำตาลแบบ 19G
  • เส้นไหมขนาด USP 2 ใช้เข็มสีชมพูแบบ 18G

โดยยิ่งหากมีเส้นไหมขนาดใหญ่มากขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งส่งผลทำให้อายุการเห็นผลของเส้นไหมอยู่ได้นานมากขึ้นเท่านั้น

ร้อยไหมก้างปลาเป็นไหมละลายหรือไม่

ตัวเส้นไหมก้างปลาที่นิยมใช้กันตามคลินิกความงามนั้นจัดเป็นกลุ่มไหมละลาย โดยเมื่อครบอายุการใช้งานตัวเส้นไหมจะสลายไปเองในร่างกายแบบ 100% โดยที่จะไม่มีการทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งในปัจจุบันนั้นตัวไหมละลายสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบด้วยกันคือ

  1. ไหมละลายที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ผลิตจากคอลลาเจนจากลำไส้ของวัวหรือแกะ
  2. ไหมละลายที่ผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ โดยผลิตจาก 3 วัสุดยอดนิยมคือ PCL, PLLA และ PDO

ร้อยไหมก้างปลาต่างกับการร้อยไหมแบบอื่นยังไง

การร้อยไหมในปัจจุบันนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายแบบซึ่งจะมีความแตกต่างกันออกไปในเรื่องของรูปทรงลักษณะของเส้นไหม ซึ่งแต่ละรูปทรงนั้นก็จะมีจุดเด่นในเรื่องการยกกระชับผิวที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น

  • ร้อยไหมก้างปลา จะมีรูปทรงไหมจะเป็นเงี่ยงคล้ายกับก้างปลา
  • ร้อยไหมทอร์นาโด มีลักษณะเป็นเกลี่ยวคลื่นคล้ายพายุเทอร์นาโด (อ่านข้อมูลร้อยไหมทอร์นาโด เพิ่มเติม:ร้อยไหมทอร์นาโด คืออะไร?)
  • ร้อยไหมเรียบ จะเป็นเส้นไหมในลักษณะเรียบคล้ายกับเชือกหรือเส้นด้าย
  • ร้อยไหมกรวย มีจุดเด่นคือเงี่ยงของเส้นไหมจะมีลักษณะเป็นทรงกรวย
  • ร้อยไหมเกลียว ตัวเส้นไหมจะมีลักษณะการขดตัวเป็นเกลียวคลื่น
  • ร้อยไหมมิ้นท์ มีลักษณะพิเศษคือเส้นไหมตะสามารถหมุนได้รอบทิศแบบ 360 องศา
  • ร้อยไหมตาข่าย ตัวเส้นไหมจะมีลักษณะคล้ายกับตาข่ายและสามารถทนแรงต้านทานของผิวได้ดี

และนอกจากนั้นตัวไหมก้างปลาเองยังถือเป็นหัตถการที่มีอีกหลายชื่อเรียกด้วยกันขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิกที่จะตั้งชื่อขึ้นมาเป็นการโฆษณาทางการตลาด เช่น ไหมเงี่ยงกุหลาบ, ไหมทับทิม, ไหมจระเข้, ไหมปิรันย่า, ไหมปากฉลาม, ไหมมังกร, ไหมก้างปลา 8D เป็นต้น

ร้อยไหมก้างปลาใช้ไหมกี่เส้น

ในส่วนของจำนวนเส้นไหมที่ใช้ในการร้อยไหมก้างปลาแต่ละครั้งนั้นจะมีจำนวนที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของคนไข้ แต่ส่วนใหญ่จะใช้จำนวนเส้นไหมเริ่มต้นอยู่ที่ 4 เส้น (ข้างละ 2 เส้น) เป็นต้นไป

  • ร้อยไหมก้างปลา 4 เส้น (ข้างละ 2 เส้น) : สำหรับยกกรอบหน้า ปรับหน้าเรียววีเชฟ เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยน้อย
  • ร้อยไหมก้างปลา 6 เส้น (ข้างละ 3 เส้น) : ใช้สำหรับปรับกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวและช่วยแก้ปัญหาแก้มห้อย หรือเหมาะกับคนที่มีแก้มเยอะ และยังช่วยแก้ปัญหาแก้มตอบได้ดีอีกด้วย
  • ร้อยไหมก้างปลา 8 เส้น (ข้างละ 4 เส้น) : เหมาะมากกับคนที่มีร่องน้ำหมากแบบชัดเจน และยังช่วยในการยกมุมปากขึ้นแก้ปัญหาปากคว่ำมุมปากตกได้เป็นอย่างดี
  • ร้อยไหมก้างปลา 10 เส้น (ข้างละ 5 เส้น) : เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่มาก มีร่องแก้ม ร่องน้ำหมากที่ชัดเจน

ร้อยไหมก้างปลาเหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย แก้มหย่อนคล้อย
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวส่วนกรอบหน้า หรือส่วนแก้มไม่กระชับ
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเข้ารูปมากยิ่งขึ้น
  • ผู้ที่มีปัญหาหน้าตอบ มีร่องแก้ม แก้มตอบจนทำให้ดูมาอายุ

ร้อยไหมก้างปลาข้อดี-ข้อเสีย

ข้อดีของการร้อยไหมก้างปลา

  • ช่วยยกกระชับผิว แก้ผิวหย่อนคล้อย ร่องลึกต่างๆ ได้อย่างตรงจุด
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวให้เพิ่มมากขึ้น
  • สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำและเห็นผลได้ยาวนานหลายเดือน
  • หลังทำไม่มีรอยแผลเป็นกวนใจ
  • ใช้เวลาในการทำแต่ละครั้งไม่นานประมาณ 20-45 นาที
  • หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ข้อเสียของการร้อยไหมก้างปลา

  • ไม่เหมาะกับเคสที่มีผิวหลวมเพราะอาจทำให้เกิดรอยรั้งไหมได้
  • หลังทำอาจมีอาการบวมเกิดขึ้น
  • หากทำกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญอาจทำให้ผิวเป็นรอยคลื่นได้
  • หากดูแลตัวเองหลังทำได้ไม่ดีอาจทำให้เส้นไหมขาดได้ โดยเฉพาะเส้นไหมก้างปลาเงี่ยงแบบบากที่ตัวเส้นไหมจะมีความบาง

ร้อยไหมก้างปลากี่วันถึงจะเห็นผล

ในการร้อยไหมก้างปลานั้นคนไข้จะสามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ แต่ว่าในบางรายอาจเกิดอาการบวมขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนหลังจากที่ทำไปแล้วประมาณ 1 เดือน

ร้อยไหมก้างปลาอยู่ได้นานแค่ไหน

ในการร้อยไหมก้างปลา 1 ครั้งนั้นจะสามารถเห็นผลได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวการดูแลตัวเองหลังทำของคนไข้ รวมไปถึงตัววัสดุเส้นไหมก้างปลาที่ใช้ด้วย เช่น

  • เส้นไหมกลุ่มวัสดุ PCL เห็นผลได้นาน 18-24 เดือน
  • เส้นไหมกลุ่มวัสดุ PLLA เห็นผลได้นาน 12-18 เดือน
  • เส้นไหมกลุ่มวัสดุ PDO เห็นผลได้นาน 6-8 เดือน

ร้อยไหมก้างปลาอันตรายหรือไม่

การร้อยไหม้ก้างปลานั้นไม่ได้มีความอันตรายใด ๆ เลยหากเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านการร้อยไหม รวมไปถึงตัววัสดุเส้นไหมเองก็ยังเป็นกลุ่มไหมละลายที่จะสามารถสลายได้ร่างกายโดยที่ไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายไว้ แต่ทั้งนี้ก่อนทำก็ควรทำการศึกษาข้อมูลของหัตถการรวมไปถึงประวัติของแพทย์และคลินิกที่จะเข้ารับบริการอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจทำทุกครั้ง

ร้อยไหมก้างปลาไม่เห็นผลเกิดจากอะไร

สำหรับคนที่ทำการร้อยไหมก้างปลาแล้วไม่เห็นผลลัพธ์นั้นเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น

  • การใช้จำนวนเส้นไหมที่ไม่เพียงพอต่อปัญหาผิวที่มีของคนไข้ โดยอย่างที่ทราบว่าเมื่อยิ่งมีปัญหาผิวมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งใช้จำนวนเส้นไหมมากขึ้นเท่านั้นเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีและชัดเจน
  • ตัวแพทย์ผู้ทำไม่มีความชำนาญในการร้อยไหม ทำให้ยังใช้เทคนิคการร้อยไหมได้ไม่ดี วางแนวเส้นไหมได้ไม่ตรงจุดทำให้ผลลัพธ์หลังทำไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์
  • การเลือกใช้เส้นไหมไม่เหมาะสมกับปัญหา เช่นการใช้วัสดุไหมที่ไม่มีความยืดหยุ่นมากพอ การเลือกใช้เส้นไหมที่มีลักษณะเงี่ยงไหมที่ไม่สมกับปัญหา
    ซึ่งก่อนตัดสินใจทำคนไข้ควรจะต้องเข้ารับการปรึกษาเพื่อทำการประเมินสภาพผิวก่อนว่าปัญหาที่เรามีควรจะใช้เส้นไหมแบบใด และจะต้องใช้จำนวนกี่เส้น มีการใช้เทคนิคการวางเส้นไหมแบบไหนให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่เราต้องการ

เลือกร้อยไหมก้างปลาที่ไหนดี

  • คลินิกจะต้องได้มาตรฐาน เปิดให้บริการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีเลขใบอนุญาตการเปิดคลินิกที่สามารถตรวจสอบได้
  • แพทย์ผู้ทำจะต้องมีประสบการณ์ มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเรื่องสรีระของมนุษย์รวมไปถึงมีความรู้เรื่องเทคนิคการร้อยไหม
  • ต้องมีการใช้เส้นไหมที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองความปลอดภัยจากอย.ไทยเรียบร้อยแล้ว
  • คลินิกมีริวิวจากลูกค้าจริงที่สามารถเชื่อถือได้
  • คลินิกมีช่องทางการติดต่อที่สะดวก มีที่ตั้งคลินิกที่ชัดเจน

ซึ่งการเลือกคลินิกหรือแพทย์ผู้ทำร้อยไหมก้างปลาถึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากและไม่ควรมองข้างเป็นอย่างยิ่ง เพราะผลลัพธ์หลังทำจะออกมาดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับฝีมือของแพทย์ล้วนๆ เราจึงขอแนะนำบริการร้อยไหมที่กังนัมคลินิก เรามีทีมแพทย์หลายคนที่มีความเชี่ยวชาญและชำนาญในเรื่องการร้อยไหมพร้อมเส้นไหมวัสดุเกรดทางการแพทย์ที่มีความปลอดภัยสูง

การเตรียมตัวก่อนทำร้อยไหมก้างปลา

  • งดทานอาหารเสริมกลุ่มวิตามินอี คอลลาเจน น้ำมันปลา แปะก๊วย โสมหรือกลุ่มสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อนก่อนทำอย่างน้อย 7 วัน
  • งดทานยากลุ่มที่ไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดอย่าง aspirin, ibuprofen ก่อนทำอย่างน้อย 7 วัน
  • งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 วันก่อนทำ เนื่องจากจะไปกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดทำให้เลือดออกได้ง่าย และยังทำให้เกิดอาการบวมได้ง่ายอีกด้วย
  • หากจะมีการร้อยไหมบริเวณขมับควรทำการสระผมมาก่อนเนื่องจากหลังทำผิวส่วนนั้นไม่ควรที่จะโดนนำเป็นเวลาอย่างน้อย 2 วัน
  • หากกรณีมีนัดพบทันตแพทย์ควรทำการเลือนการทำร้อยไหมออกไปหลังทำทันกรรมเนื่องจากหลังร้อยไหมช่วงแรกยังไม่ควรอ้าปากกว้างๆ นานๆ
  • หากมีประวัติการทานยารักษาโรค หรือประวัติการแพ้ยาต่างๆ เช่น ยาชา ควรทำการแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำทุกครั้ง

การดูแลตัวเองหลังทำร้อยไหมก้างปลา

  • หลังทำอาจมีอาการบวม ช้ำเกิดขึ้นให้ทำการประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าว โดยสามารถทำบ่อยได้ตามต้องการ และยิ่งทำบ่อยได้มากแค่ไหนอาการบวมก็ยิ่งลดไวมากขึ้นเท่านั้น
  • หลังทำ 24 ชั่วโมงแรงควรงดแต่งหน้า เพื่อลดการติดเชื้อในบริเวณรอยเข็ม
  • งดนวดผิว ในจุดที่ทำการร้อยไหมอย่างน้อย 4 สัปดาห์
  • หากมีสายรัดหน้าให้ใส่หลังทำในช่วงแรกๆ ที่เส้นไหมยังไม่เข้าที่เพื่อช่วยป้องกันการเคลื่อนที่ของเส้นไหม แต่ก็ไม่ควรใส่แบบแน่นจนเกินไป ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใส่
  • งดการแสดงสีหน้าแบบรุนแรงหรือการอ้าปากกว้างๆ เพราะอาจทำให้เส้นไหมก้างปลาเคลื่อนหรือให้เส้นไหมขาดได้
  • งดออกกำลังกายอย่างหนักที่อาจทำให้ผิวเกิดความกระทบกระเทือนได้ประมาณ 2-4 สัปดาห์
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ ของหมักดอง หรืออาหารแสลงอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อลดอาการอักเสบและป้องกันการบวมที่มากขึ้น
  • หากทำการร้อยไหมส่วนขมับควรงดให้ผิวโดนน้ำอย่างน้อย 2 วัน
  • ในกรณีที่แพทย์ทำการสั่งยาให้หลังทำควรทานยาตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
  • หลังทำสามารถทานยารักษาโรคหรืออาหารเสริมได้ตามปกติ และควรหมั่นดูแลผิวด้วยการทาครีมเพื่อความชุ่มชื้นและทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน

ราคาค่าใช้จ่ายในการทำร้อยไหมก้างปลา

ในส่วนของราคาค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัยไม่ว่าจะเป็นวัสดุเส้นไหมที่ใช้ จำนวนเส้นไหมที่ใช้ซึ่งหากยิ่งใช้จำนวนเส้นไหมมากก็จะมีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นตามไปด้วย แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีราคาเริ่มต้นที่ 4 เส้นราคาประมาณ 8,900 บาทเป็นต้นไป

Q&A เกี่ยวกับการร้อยไหมก้างปลา

ร้อยไหมก้างปลา บวมกี่วัน

อาการบวมหลังร้อยไหมก้างปลานั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยจะมีอาการบวมแบบหนักๆ ในช่วง 3-4 วันแรกแล้วหลังจากนั้นก็จะค่อยๆ ยุบตัวลงดังนั้นจึงควรทำการประคบเย็นเพื่อช่วยบรรเทาอาการตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ร้อยไหมก้างปลาตอนทำเจ็บไหม

ก่อนทำการร้อยไหมก้างปลาทุกครั้งแพทย์จะมีการใช้ยาชาเพื่อเข้ามาช่วยบรรเทาอาการให้ก่อนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความเจ็บในระหว่างทำ

ร้อยไหมก้างปลาแล้วไหมขาดเกิดจากอะไร

อาการเส้นไหมขาดนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายๆ ปัจจัยไม่ว่าจะเป็นเส้นไหมที่ไม่มีคุณภาพ หรือการแสดงสีหน้าอย่างรุนแรง การอ้าปากกว้างๆ ในช่วงทำฟันก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เส้นไหมขาดได้เช่นกัน

สรุป

การร้อยไหมก้างปลานั้นคือหัตถการร้อยไหมประเภทหนึ่งที่ใช้เส้นไหมมีลักษณะคล้ายกับก้างปลา ในการร้อยเข้าไปในชั้นผิวเพื่อดึงผิวให้มีความยกกระชับ เต่งตึง และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวให้เพิ่มมากขึ้นซึ่งถือเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างมากเพราะสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำและเห็นผลได้ยาวนาน 6-12 เดือนนอกจากนั้นยังสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายแบบไม่ว่าจะเป็นยกผิวให้กระชับขึ้น ปรับรูปหน้าให้เรียววีเชฟ แก้ปัญหาร่องลึกต่างๆ ไม่ว่าจะร้องแก้ม ร้องน้ำหมากได้เป็นอย่างดี

สำหรับใครที่สนใจอยากทำหัตถการร้อยไหมก้างปลาสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line : @gangnamclinic หรือได้ที่กังนัมคลินิกทุกสาขา

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

pmc. Author:Rakesh Kalra. Use of barbed threads in facial rejuvenation
https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC2825122/

empiremedicaltraining. AuthorDr. Stephen CosentinoPRESIDENT OF EMPIRE MEDICAL TRAINING. What Is a Barbed Thread Lift? How Long Does It Last?
https://www.empiremedicaltraining.com/blog/what-is-a-barbed-thread-lift/

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง