รวมข้อควรรู้ก่อนทำ Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น ทำแล้วเห็นผลจริงไหม?
Coolsculpting หรือ นวัตกรรมการสลายไขมันด้วยความเย็น เป็นวิธีที่ช่วยลดไขมันเฉพาะส่วนที่เห็นผลได้เร็วกว่าการออกกำลังกายหรือการควบคุมอาหารจริงหรือไม่? เนื่องจากวิธีการดังกล่าวค่อนข้างใช้เวลานานและยังมีไขมันสะสมบริเวณนั้นอยู่ ทำให้สัดส่วนร่างกายดูไม่สมส่วนกัน อาทิ การมีต้นแขนที่ใหญ่ ทำให้สาวๆ เกิดความไม่มั่นใจ
ดังนั้นการสลายไขมันด้วยความเย็น จึงเป็นทางเลือกที่ดี ในการกำจัดไขมันเฉพาะส่วนตามร่างกายสาวๆ ได้อย่างตรงจุด เหมาะกับสาว ๆ ที่ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายและไม่อยากทำการดูดไขมัน
หัวข้อเกี่ยวกับการ Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น ที่ควรรู้และทำความเข้าใจก่อน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี สามารถเลือกอ่านได้เลยค่ะ
Coolsculpting คืออะไร ?
Coolsculpting คือ โปรแกรมกระชับและสลายไขมันเซลล์ลูไลท์ด้วยคลื่นความเย็นระดับต่ำ โดยจะเข้าไปกำจัดไขมันชั้นใต้ผิวหนังเฉพาะส่วนที่เป็นไขมันเท่านั้น ไม่กระทบต่อเซลล์หรือเนื้อเยื้อร่างกายส่วนอื่น ๆ ด้วยหลักการปล่อยความเย็นเพื่อแช่เซลล์ไขมันให้แข็งตัวและทำให้เซลล์ไขมันตายลงและถูกขับออกมาเองตามธรรมชาติ
โดยในการทำ Coolsculpting จะช่วยกำจัดเซลล์ไขมันได้ถึง 20-25% ต่อครั้ง ถือเป็นวิธีการสลายไขมันส่วนเกินที่ไม่ต้องทำการผ่าตัดใด ๆ ไม่มีอาการเจ็บ การเกิดผลค้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายและเป็นโปรแกรมที่ได้ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก FDA เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Coolsculpting สลายไขมันจุดไหนได้บ้าง
สำหรับการสลายไขมันด้วยความเย็น จะใช้หัวดูดไขมันที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับส่วนที่จะเลือกทำตามร่างกาย และสามารถทำได้ตามบริเวณต่าง ๆ ดังนี้
- เหนียงใต้คาง
- รอบบริเวณหน้าอก
- ต้นแขน เนื้อรักแร้ และปีกด้านหลัง
- หน้าท้อง
- รอบเอว ทั้งส่วนบนและล่าง
- สะโพก
- ต้นขา ทั้งด้านในและด้านหลัง
ใครบ้างที่เหมาะกับการทำ Coolsculpting
การสลายไขมันด้วยความเย็น เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการกำจัดไขมันเฉพาะส่วนออกไป และกับสาว ๆ ที่มักเจอปัญหา ดังต่อไปนี้
- ออกกำลังกายแล้วพบว่าสัดส่วนร่างกายเท่าเดิม
- อยากลดไขมันเฉพาะส่วน แต่ไม่อยากทำการดูดไขมัน
- ไม่มีเวลาพักฟื้นหลังจากรักษา
- ไม่อยากกินยาเพื่อลดน้ำหนัก
- ไม่มีเวลาออกกำลังกาย
การสลายไขมันด้วย Coolsculpting ทำงานอย่างไร
โดยมีหลักการส่งพลังงานความเย็นผ่านหัวดูด ทำหน้าที่ในการดูดไขมันเซลล์ลูไลท์ที่สะสมใต้ผิวหนังออกไป ด้วยความเย็นระดับที่ต่ำ 11°C ถึง -13°C ทำให้ไขมันนั้นเกาะกันเป็นก้อนและตกเป็นผลึกในที่สุด หลังจากนั้นเซลล์ไขมันจะหยุดทำงานทันทีและตายไป หลังการรักษาไขมันจะถูกขับออกตามธรรมชาติ ตามทางระบบน้ำเหลือง จากนั้นไขมันที่เหลือจะเรียงขึ้นมาตัวใหม่ ทำให้ชั้นไขมันดูบางและเล็กลง ร่างกายสาว ๆ จึงกลับมาสมส่วนอีกครั้ง
ข้อดีของการทำ Coolsculpting
- ไม่เจ็บและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
- ไม่ต้องทำการผ่าตัด
- ไม่ต้องเสียเวลารอการพักฟื้น
- เห็นผลลัพธ์เร็วกว่าการจำกัดไขมันเฉพาะส่วนด้วยวิธีการแบบทั่วไป
- ไม่ต้องพึ่งยา เพื่อควบคุมน้ำหนัก ก็สามารถกลับมาหุ่นสวยสมส่วนได้อย่างปลอดภัย
สาเหตุที่ทำให้การทำ Coolsculpting ไม่ได้ผลเกิดจากอะไร
สาเหตุอาจเกิดจากการมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไป มีค่า BMI มากกว่า 30 และ Coolsculpting เหมาะสำหรับการลดไขมันเฉพาะส่วน จึงไม่สามารถลดไขมันได้อย่างเต็มที่มากนัก ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ช้าและอาจจะไม่ได้ผลนั่นเอง
สลายไขมันด้วยความเย็น กับ ดูดไขมัน ต่างกันอย่างไร
การทำ Coolsculpting เหมาะสำหรับการลดไขมันเฉพาะส่วนตามร่างกาย อาทิ เหนียงใต้คางและเอว เป็นการกำจัดไขมันที่ไม่เยอะมากเท่ากับการดูดไขมัน ไม่ต้องทำการพักฟื้น ใช้เวลาน้อยกว่าการดูดไขมัน ส่วนการดูดไขมันเหมาะสำหรับการกำจัดไขมันตามบริเวณร่างกายที่กว้างกว่าและเข้าถึงได้ยาก อาทิ บริเวณหน้าท้อง หัวเข่า และยังสามารถออกแบบรูปร่างได้อย่างแม่นยำ แต่ใช้เวลาพักฟื้นนานถึง 3 – 5 วัน
ผลข้างเคียงของ Coolsculpting
แทบจะไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายมากนัก ในระหว่างทำการรักษา สาว ๆ อาจมีความรู้สึกชาเล็กน้อย เนื่องจากได้รับความเย็นและแรงดูดจากเครื่อง หลังการรักษาอาจจะมีการอาการ ระบม คัน และมีรอยแดงเล็กน้อย แต่หลังจาก 2 – 4 สัปดาห์ อาการเหล่านั้นจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ใครบ้างที่ไม่ควรสลายไขมันด้วยความเย็น
สำหรับข้อจำกัดของการลดไขมันด้วยความเย็น ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีโรคประจำตัวและอาการ ดังต่อไปนี้
- โรคแพ้ความเย็น
- โรคเลือดแข็งตัวผิดปกติ
- ผู้หญิงตั้งครรภ์
- ผู้หญิงอยู่ในช่วงระหว่างเป็นประจำเดือน
- ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดมาไม่เกิน 6 เดือน
- ผู้ที่เป็นไส้เลื่อน
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวที่มาก
เลือกทำ Coolsculpting ที่ไหนดี
หากสาว ๆ ท่านใดไม่มีเวลาออกกำลังกายและต้องการให้หุ่นกลับมาสวยสมส่วน ด้วยราคาที่ประหยัดและปลอดภัย คลินิก กังนัม สามารถตอบโจทย์สาว ๆ ได้เป็นอย่างดี ด้วยนวัตกรรมการสลายไขมัน CoolSculpting ที่เข้าไปกำจัดไขมันได้อย่างตรงจุดเฉพาะส่วน และเครื่องมือที่นำเข้าจากประเทศอเมริกา ได้รับการรองรับจากองค์กรอาหารและยา ของสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ทำให้มีความปลอดภัยสูง สามารถกำจัดไขมันได้อย่างตรงจุด ประหยัด และปลอดภัย
Q&A คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Coolsculpting
Coolsculpting ใช้เวลาทำนานแค่ไหน
ปกติแล้วระยะเวลาที่ใช้ในการทำ Coolsculpting ในแต่ละครั้งจะขึ้นยู่กับบริเวณที่เลือกทำ โดยจะใช้เวลาประมาณ 35 – 60 นาที ต่อ 1 บริเวณ
Coolsculpting ควรทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล
โดยปกติแล้วหมอจะแนะนำให้ทำ Coolsculpting จำนวน 2 ครั้งขึ้นไปเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น หรือหากใครที่มีชั้นไขมันที่หนามากก็อาจจะต้องทำมากกว่า 2 ครั้งขึ้นอยู่กับการประเมินของหมอผู้รักษา
Coolsculpting เจ็บไหม
สำหรับการทำ Coolsculpting ในระหว่างทำการรักษา อาจจะมีความรู้สึกชาบ้างเล็กน้อย ในช่วง 5 -10 นาทีแรก หลังจากนั้นอาการจะค่อยๆ หายไป สาว ๆ สามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ระหว่างรอการรักษาได้อย่างสบาย
Coolsculpting ปลอดภัยไหม
การสลายไขมันด้วยวิธีการ Coolsculpting ถือว่ามีความปลอดภัยสูง เนื่องจากได้รับการยอมรับจากองค์กรอาหารและยา(FDA)ทั้งของสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ทั้งยังมีการใช้มานานมากกว่าหนึ่งล้านครั้งทั่วโลก จึงมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยต่อร่างกายสาว ๆ หลังทำการรักษา
ดังนั้น การสลายไขมันด้วยความเย็นจึงเหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่อยากเจ็บตัวจากการดูดไขมัน การกำจัดไขมันเฉพาะส่วนด้วยวิธีการ Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น จึงสามารถตอบโจทย์สาว ๆ ได้อย่างตรงจุด ทั้งราคาที่ประหยัด ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นหลายวัน ก็สามารถกลับมามีหุ่นที่สมส่วน มั่นใจตัวเองมากขึ้น และที่สำคัญมีความปลอดภัยสูง ไม่กระทบต่อร่างกายในส่วนอื่น ๆ ระหว่างทำการรักษาและหลังการรักษานั่นเอง