ฉีดฟิลเลอร์ปาก กี่วันหายบวม? มีวิธีเช็คและลดบวมอย่างไรให้เข้าที่เร็ว

ฉีดฟิลเลอร์ปาก กี่วันหายบวม

สาวๆหลายคนกำลังที่คิดจะฉีดฟิลเลอร์ปาก หรือว่าฉีดมาแล้วเกิดอาการบวม ทำให้มีความกังวลใจ ไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน? กี่วันถึงจะหายเป็นปกติ ซึ่งอาการต่างๆเหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติหรือไม่? มีวิธีการลดบวมหลังจากฉีดฟิลเลอร์ปากอย่างไรให้กลับเข้าที่ได้รวดเร็วขึ้น วันนี้เรามีข้อมูลที่จะช่วยลดความกังวลว่า มาฝากให้ทุกคนกันค่ะ

ทำไมปากถึงบวมเมื่อฉีดฟิลเลอร์

ทำไมฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วปากบวม

อาการบวมที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถเห็นผลได้ชัดเจนทันทีหลังทำกว่าการฉีดฟิลเลอร์ในจุดอื่นๆ และเนื้อเยื่อบริเวณริมฝีปากนั้นมีความบางมากกว่าส่วนอื่นๆ จึงอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย

ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์บริเวณรอบริมฝีปากจึงทำให้เกิดอาการบวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ปกติไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะหากฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปเป็นของแท้ที่เป็นสาร HA ฟิลเลอร์จะสามารถสลายไปได้เองหรือ ถ้าหากต้องการที่จะแก้ไขก็สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วย Hyarulonidase HYAL ได้ทันทีโดยไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ

ฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน ถึงหายปกติ?

โดยปกติแล้วการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นจะสามารถหายบวมได้ภายใน 7-14 วัน โดยในช่วงแรกผู้ที่ได้รับการฉีดอาจจะรู้สึกเจ็บหรือไม่เจ็บก็ได้ ซึ่งอาการบวมสามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติไม่มีอะไรน่ากังวล จากนั้นอาการบวมจะค่อยๆลดลงเรื่อย ๆ และหายบวมกลับมาเข้าที่เป็นปกติภายในประมาณ 2 สัปดาห์

โดยหลังจากที่ฟิลเลอร์เข้าที่แล้ว ก็จะเริ่มเห็นรูปทรงของปากที่เป็นสวยงาม ชัดเจนขึ้น โดยในช่วงแรกที่ยังมีอาการบวมไม่แนะนำให้ทำการกด หรือ นวดบริเวณริมฝีปากนะคะ เพราะอาจเป็นการเพิ่มความอักเสบให้มากขึ้นได้ แต่ถ้าหากอาการบวมนั้นมีความรู้สึกเจ็บกว่าปกติ อาจจะเกิดจากการติดเชื้อได้ดังนั้นควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุรวมถึงวิธีการรักษา

ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วบวมมาก จะหายเองไหม อันตรายหรือไม่?

หลังการฉีดฟิลเลอรปากแล้วหากมีอาการบวมเกิดขึ้น นะนำให้คอยสังเกตุอาการว่ามีความรู้สึกเจ็บมากผิดปกติร่วมด้วยหรือไม่ ผิวริมฝีปากมีการเปลี่ยนสีมั้ย ถ้าเป็นอาการบวมเข็มที่เป็นอาการปกติสามารถหายไปเองได้เพียงต้องรอเวลา 7-14 วัน แต่หากครบ 14 วันแล้วอาการบวมยังไม่ลดลง ให้สังเกตุว่าฟิลเลอร์นั้นเป็นก้อนหรือเปล่า เนื่องจากปากบวมกับฟิลเลอร์เป็นก้อนนั้นต่างกัน (แต่มีหลายคนเข้าที่ยังสับสนและใจผิด) ซึ่งวิธีการสังเกตุง่ายเพียงดูว่า ริมฝีปากมีความอวบอิ่มเกินพอดีหรือไม่ ปากมีลักษณะคล้ายปากเป็ดหรือเปล่า หรือปากอาจมีความผิดปกติที่ดูไม่เป็นธรรมชาติซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการใช้ชนิดของฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม ฉีดในตำแหน่งที่ตื้นเกินไป หากเป็นฟิลเลอร์แท้สามารถฉีดสลายได้โดยไม่เป็นอันตราย

แต่หากฉีดฟิลเลอร์ 7-14วัน ไปแล้วปากยังมีอาการบวมอยู่อาจจะเกิดขึ้นจากการที่ปากติดเชื้อ มีการอักเสบบริเวณริมฝีปาก หรืออาจจะเกิดจากการที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอม จึงทำให้เกิดเป็นก้อนถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตราย แนะนำให้รีบพบแพทย์เพื่อหาแนวทางการแก้ไขต่อไปค่ะ

อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ปากแบบไหนที่ปกติและบวมไม่ปกติ

อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นอย่างไร

หลายๆ คนที่เกิดอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ปากอาจจะเกิดความวิตกกังวลใจว่าอาการบวมที่เราเป็นนั้นถือเป็นอาการบวมแบบปกติหรือไม่ และต้องพบหมอหรือไม่ ซึ่งอาการบวมที่ไม่ปกติได้แก่

  • มีอาการบวมร่วมกับการเจ็บที่ริมฝีปาก
  • มีอาการบวมหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังจากฉีดไปแล้ว 1-2 วัน
  • มีอาการบวมลุกลามไปส่วนอื่นๆ เช่น มีอาการตาบวมร่วมด้วย
  • มีอาการบวมร่วมกับการเกิดหนอง

ซึ่งอาการเหล่านี้ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและแนวทางการรักษาต่อไป

วิธีลดอาการบวมช้ำหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ให้ปากเข้าที่เร็ว

วิธีลดอาการบวมช้ำหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก

หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วอาจจะเกิดอาการบวมได้ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่วันนี้เราได้รวบรวมวิธีการลดอาการบวมช้ำหลังจากฉีดฟิลเลอร์มาให้ทุกคนได้ดูเป็นแนวทางเพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้เร็วขึ้นและอาการบวมนั้นสามารถหายได้ไวขึ้นนั่นเองค่ะ ไปดูกันว่าจะมีวิธีไหนบ้าง

  • ไม่ควรจับ บีบ นวด บริเวณริมฝีปาก เพราะอาจจะทำให้ฟิลเลอร์เสียรูป และ เสียรูปทรงได้ค่ะ
  • ไม่ดึง ลอก หนังบริเวณริมฝีปากเพราะจะเป็นการทำลายผิวบริเวณริมฝีปากอาจจะทำให้ ผิวไม่สามารถเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้หรืออาจจะกักเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยลงจนทำให้ปากแห้ ลอก นั่นเองค่ะ
  • ไม่ดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ หรืออาหารที่มีความร้อนจัดเพราะอาจจะทำให้ริมฝีปากบวมมากกว่าเดิมรวมถึงอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายได้เร็วขึ้นนั่นเองค่ะ
  • งดการดื่มแอลกอฮอร์และการสูบบุหรี่ เพราะอาจจะทำให้ริมฝีปากเสียรูปทรงได้ทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดมาไม่เข้าที่ค่ะ
  • ดื่มน้ำให้มากๆ อย่างน้อย 2-2.5 ลิตรต่อวัน เพื่อให้ร่างกายนั้นเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ การดื่มน้ำมากๆจะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟู มากยิ่งขึ้นเนื่องจากในฟิลเลอร์มีสาร ไฮยาลูรอน แอซิด ที่เป็นสารที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ดังนั้นการดื่มน้ำมากๆช่วยให้สารตัวนี้กักเก็บน้ำและความชุ่มชื้นได้มากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ

สามารถอ่านได้ในบทความ Do & Don’t สิ่งที่ควรทำและห้ามทำหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ดูแลตัวเองอย่างไร?

กลุ่มอาหารที่ส่งผลกระตุ้นทำให้เกิดอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก

เรื่องของการทานอาหารก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นทำให้เกิดอาการบวมขึ้นได้ ดังนี้

  • อาหารรสจัดอย่างรถเผ็ดหรือรสเปรี้ยว ซึ่งอาหารกลุ่มนี้จะมีฤทธิ์เป็นกรดที่ไปกระตุ้นทำให้เกิดการระคายเคืองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากได้ง่าย
  • อาหารหมักดอง หรืออาหารกลุ่มรสเค็ม ซึ่งเป็นอาหารกลุ่มที่มีโซเดียมสูงที่จะทำให้เกิดอาการบวมได้ง่ายมากขึ้น
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ไปกระตุ้นทำให้เกิดการอักเสบและทำให้แผลหายช้าขึ้น
  • อาหารทะเล อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ โดยอาหารกลุ่มนี้อาจไปกระตุ้นทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
  • อาหารกลุ่มของหวานที่มีน้ำตาลสูงที่จะไปทำให้อาการบวมหายช้าลง
  • อาหารร้อนจัด เครื่องดื่มแบบร้อนที่จะเป็นอีกตัวกระตุ้นอาการบวมรวมไปถึงยังเป็นส่วนที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์สลายได้ไวมากกว่าปกติ

สรุป

การฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นโดยปกติแล้วจะมีอาการบวมเกิดขึ้นเนื่องจากการระคายเคืองของเข็มที่จิ้มเข้าไป ซึ่งการบวมลักษณะนี้ถือเป็นเรื่องปกติ สามารถหายได้เอง ภายในเจ็ดถึงสิบสี่วันค่ะ และฟิลเลอร์นั้นจะเข้ารูปทรงภายในสองสัปดาห์ แต่หากมีอาการบวมผิดปกติ ก็อาจจะมีความเสี่ยงต่อการอักเสบที่รุนแรงได้ ดังนั้นก่อนฉีดฟิลเลอร์ทุกคนควรเช็คว่าฟิลเลอร์เป็นของแท้ที่ผ่านมาตรฐานอ.ย. และฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง เพียงทั้งนี้การฉีดฟิลเลอร์ก็จะออกมาสวย และเพอร์เฟค แล้วค่ะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ทุกคนนะคะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง