เป็นสิวที่หน้าผาก ไม่หายสักที เกิดจากอะไร? ควรรักษาด้วยวิธีไหนดี
ช่วงนี้กระแสซีรี่ย์เกาหลีกำลังมาแรง ทำให้สาวๆหนุ่มๆหลายคนขึ้นมาปรับเปลี่ยนลุคทรงผม ไม่ว่าจะเป็นการตัดผมหน้าม้า หรือการเซ็ตผมตามดาราที่ตัวเองชื่นชอบ แต่ก็ดันมีสิวที่หน้าผากขึ้นมาให้รำคาญใจ จนต้องหาวิธีมาจัดการกับปัญหานี้กันอย่างเร่งด่วน ซึ่งทำให้หลายๆคนมีข้อสงสัยว่าสิวที่หน้าผากมีสาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่ และมีวิธีป้องกันหรือรักษาได้อย่างไร เพื่อไม่ให้กลับมาเป็นแบบซ้ำๆ วันนี้เราเตรียมคำตอบมาเอาใจสาวๆแล้วค่ะ
สิวที่หน้าผาก เกิดจากอะไร?
- การอุดตันที่รู้ขุมขน : เกิดจากการอุดตันของสิ่งสกปรกต่างๆ บนใบหน้าอย่าง ครีมบำรุงผิว ครีมรองพื้น ครีมกันแดด เครื่องสำอาง หรือมลพิษฝุ่น ควัน และเหงื่อ ที่เข้าไปอุดตันในรูขุมขนและเกิดเป็นสิวขึ้นที่หน้าผาก
- แพ้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม : การแพ้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมไม่ว่าจะเป็นยาสระผม ครีมนวดผม ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมต่างๆ หรือแม้แต่สีทำผม ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวขึ้นที่บริเวณหน้าผากได้โดยตรง
- ทานอาหารที่มีรสชาติหวานมากเกินไป : อาหารที่มีรสชาติหวานจัด ที่มีส่วนผสมของ น้ำตาลเป็นหลักรวมไปถึง ไขมัน นม เนย หรืออาหารจำพวกของหวานจะมีผลทำให้อินซูลินในเลือดสูงขึ้น จะนำไปสู่ภาวะ insulin-like growth factor 1 (IGF-1) ในเลือดสูงขึ้น ซึ่งทำให้เกิดก้อนไขมันอุดตันในรูขุมขน จนเกิดเป็นปัญหาสิวบริเวณหน้าผาก
- ชอบใช้มือเสยผมเป็นประจำ : รู้ไม่ว่าในขณะที่เราใช้มือเสยผมนั้น อาจทำให้เชื้อโรค แบคทีเรีย หรือสิ่งสกปรกสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ที่เกาะอยู่บนนิ้วมือ ร่องเล็บและบนฝ่ามือ
- พักผ่อนไม่เพียงพอ : การนอนดึกเป็นประจำ หรือการพักผ่อนไม่เพียงพออาจทำให้ ร่างการขาดโอกาศในการผลิตโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) จึงทำให้ผิวมีสภาพที่อ่อนแอได้ง่าย
- ระบบย่อยอาหารมีปัญหา : ในบางครั้งการเกิดสิวที่หน้าผาก ก็อาจกำลังบอกได้ว่าระบบการย่อยอาหาร หรือลำไส้ของคุณกำลังมีปัญหา จากการย่อยโปรตีนไม่หมด และหลุดรอดเข้าไปในกระแสเลือดผ่านผนังลำไส้ที่อักเสบ หรือมาจากแบคทีเรียไม่ดี หรือยีสต์ในลำไส้และทางเดินอาหาร ที่ไปกระตุ้นการเกิดสิวที่หน้าผาก
- เส้นผมสกปรก : เคยสังเกตไหมว่าปัญหาสิวหน้าผากมักเกิดขึ้นกับคนที่ชอบไว้หน้าม้า นั่นมีสาเหตุมาจากความมัน และสิ่งสกปรกของเส้นผมมาสัมผัสกับหน้าผ้าโดยตรง ทำให้เกิดการอุดตันตามรูขุมขนซึ่งเป็นสาเหตุของสิวหรือผื่นเม็ดเล็กๆที่หน้าผากนั่นเอง
- ความสะอาดบนที่นอน : ความสะอาดบนที่นอนก็มีส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อการเกิดสิวที่หน้าผาก โดยเฉพาะความสะอาดของหมอนหนุน ที่หลายๆคนอาจลืมนึกไปว่า เป็นแหล่งสระสมของสิ่งสกปรก เชื้อโรค แบคทีเรียจากเส้นผม เหงื่อไค และฝุ่นละอองภายในห้องนอน จะทำให้ผิวหน้าเกิดอาการแพ้ และเกิดสิวผดขึ้นที่หน้าผากได้
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน : เมื่อก้าวเข้าสู่วัยรุ่นมักจะพบว่ามีการเกิดสิวมากกว่าผู้ที่อยู่ในช่วงของวัยเด็ก หรือวัยทำงาน เนื่องจากร่างกายจะมีการผลิตของฮอร์โมนมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนอย่างรวดเร็ว
- เหงื่อ : เราจะสามารถขับสารพิษเหงื่อของร่างกายออกมาได้ทาเหงื่อ ดังนั้นหากมีเหงื่อไหลออกมามากๆ แล้วไม่รีบล้างออกโดยทันที เหงื่อที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ที่รูขุมขนก็อาจจะทำให้เกิดการหมักหมมของสิ่งสกปรก จนเป็นสาเหตุให้เกิดสิวที่หน้าผากได้เช่นกัน
สิวที่หน้าผาก มีกี่แบบ?
ผิวที่มักขึ้นที่บริเวณหน้าผากสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ นั่นก็คือ
สิวอักเสบ หรือ Inflammatory Acne
เป็นสิวชนิดนี้มักจะมาคู่กับอาการอาการบวมแดง เวลาเรากดจะรู้สึกเจ็บ และสามารถแบ่งสิวชนิดนี้ออกได้ 2 ประเภท คือ
- สิวหัวหนอง มีจุดสังเกตคือ เป็นสิวที่มีตุ่มหนองสีขาวนูนขึ้นมาจากผิว สามารถสะกิดหัวสิวออกเพื่อเป็นการรักษาได้ (แต่ต้องทำอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการอักเสบเพิ่มขึ้น)
- สิวไม่มีหัว จะเป็นสิวที่ไม่มีหัวหนองโผล่งขึ้นมาให้เห็น แต่จะมีอาการอักเสบอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวบวมแดง ซึ่งสิวประเภทนี้จะไม่สามารถหายไปเองได้ จำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญทำการรักษา แต่หากเลือกวิธีรักษาที่ไม่เหมาะสมก็เสี่ยงที่จะทิ้งรอยดำไว้ที่ผิวได้
สิวอุดตัน (Comedones)
จัดอยู่ในประเภทสิวที่ไม่เกิดการอักเสบ หรือ Non-inflammatory Acne สามารถเกตประเภทของสิวนี้อย่างง่ายๆก็คือ เป็นสิวหัวแบบนูนออกมาจากผิวหนัง ซึ่งเป็นไขมันเม็ดเล็กๆใต้ผิว เมื่อจับไปโดนจะรู้สึกถึงผิวที่ไม่เรียบ เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนตรงบริเวณบนผิวหนัง เวลากดจะไม่รู้สึกเจ็บ ไม่มีการอักเสบของผิว และบางครั้งสิ่งที่อุดตันในรูขุมขน หรือหัวสิวก็จะสามารถโผล่ออกมาให้เห็นในรูปแบบของสิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวผด สิวเสี้ยน นั่นเอง
สิวข้าวสาร (Milia)
เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ มีหัวแข็งๆขนาดประมาณ 1-2 มิลลิเมตร คล้ายเม็ดข้าวสาร ซึ่งเกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน หรือเกิดการอุดตันของเซลล์ผิวที่ตายแล้วในรูขุมขนจากการทำความสะอาดผิวได้ไม่ดีพอ ส่วนใหญ่แล้วสิวหัวข้าวสารเหล่านี้ จะขึ้นทีละมากๆ มักพบได้ในบริเวณใบหน้า รอบดวงตา และหน้าผาก
สิวที่หน้าผากบ่งบอกโรคอะไรได้บ้าง?
รู้หรือไม่ว่าสิวที่หน้าผากอาจเป็นสัญญานบ่องบอกถึงโรคต่างๆที่มีการแอบแฝงอยู่ภายในร่างกายได้เช่น
- เป็นการบ่งบอกและเกี่ยวข้องกับโรคระบบของทางเดินอาหารและระบบย่อยอาหาร ที่ทำงานหนักเกินไป หรือทำงานผิดปกติ
- อาจจะบ่งบอกได้ถึงโรคกระเพาะปัสสาวะ และโรคต่อมหมวกไต ซึ่งมีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหารที่ไม่มีความเหมาะสม
- เกิดจากการขาดสารอาหาร จากการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ มักพบมากในคนที่ไม่ชอบทานผักและผลไม้
แต่อย่างไรก็ตามในบางครั้งสิวที่หน้าผากอาจไม่ได้เกิดจากโรคก็เป็นได้ ดังนั้นก่อนที่จะเกิดการวิตกกังวลจึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อให้หาสาเหตุที่แท้จริงของสาเหตุการเกิดสิวที่หน้าผาก เพื่อทำการรักษาได้อย่างตรงจุด
รักษาสิวที่หน้าผากไม่หายสัก เพราะอะไร?
หลายคนอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาสิวเรื้อรังบริเวณหน้าผาก ที่รักษาอย่างไรก็ไม่หายขาดซะที นั่นเป็นเพราะอาจจะยังไม่ได้มีการตรวจหาสาเหตุของการเกิดสิวที่แท้จริง จึงไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม หรือการรักษาที่ตรงจุด นอกจากนี้อาจจะรวมไปถึงสภาพผิวที่มีความอ่อนแอ sensitive ต่อมลพิษต่างๆที่เป็นตัวกระตุ้นของการเกิดสิวได้ง่าย
อีกทั้งพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เครื่องสำอางที่ใช้ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคื่อง หรือแม้แต่การล้างทำความสะอาดผิวหน้าก็มีส่วนที่จะทำให้การเกิดสิวที่หน้ากลับมาเป็นซ้ำๆ รักษาได้ไม่หายขาด
ทำไมยิ่งรักษาถึงสิวยิ่งเห่อ?
การรักษาสิวที่ดีที่สุดจำเป็นที่จะต้องทำความรู้จักกับสิวแต่ละประเภท รวมถึงสาเหตุของการเกิดสิวที่แท้จริงของแต่ละคนก่อน เพื่อที่แพทย์จะได้ประเมินและเลือกใช้วิธีการรักษาให้ได้อย่างเหมาะสมที่สุด เพราะหากมีการรักษาไม่ถูกวิธี อย่างบางคนใช้ยาละลายหัวสิวแบบผิดๆ กดสิวโดยกับผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญ ก็อาจจะส่งผลกระตุ้นให้ผิวอ่อนแอ เกิดการอักเสบ ติดเชื้อจนสิวมีการลุกลาม เห่อขึ้นทั่งใบหน้าได้ ถ้าไม่อยากพลาดก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้รับการรักษาตั้งแต่แรก
วิธีรักษาสิวที่หน้าผาก
การรักษาสิวมีหลายวิธีให้เลือก ทั้งการรักษาด้วยตัวเอง และการดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งแต่ละวิธีก็จะให้ผลของการรักษาที่แตกต่างกัน
1. กดสิว
การกดสิวเป็นวิธีที่จะช่วยนำเอาหัวสิวหรือเม็ดไขมันที่เป็นก้อนแข็งๆออกจากรูขุมขน ช่วยรักษาให้ผิวมีความเรียบเนียนขึ้น และช่วยลดการเกิดสิวอักเสบในอนาคต ซึ่งวิธีนี้จะต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รับการกดสิวอย่างถูกวิธี เนื่องจากสิงบางประเภทก็ไม่สามารถกดออกได้ด้วยตัวเอง ต้องใช้เลเซอร์เปิดหัวสิวก่อนจึงจะค่อยๆกดหัวสิวออกมาได้โดยที่ผิวไม่ช้ำ ไม่เสี่ยงต่อการทิ้งรอยดำ
2. ทายารักษาสิว
การทายารักษาสิวที่ถูกต้องควรทาเฉพาะตรงจุดที่เป็นสิวเท่านั้น เพื่อช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์และช่วยรักษาสิวได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญไม่สร้างความระคายเคืองให้กับผิวหนังตรงบริเวณอื่น ซึ่งยาที่ใช้ควรมีส่วนประกอบของ clindamycin, benzoyl peroxide, tretionoin, adapalene, erythromycin, tazarotene, salicylic acid,sulfur และ azelaic acid ที่มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบของผิว ทำให้หัวสิวแห้งไว แต่ก็อย่าลืมใช้ให้ถูกวิธีเพื่อป้องกันผลข้างเคียงเช่น การแพ้ยาจนเกิดการระคายเคืองและมีสิวเห่อขึ้นทั่วหน้าได้
3. บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นตลอดเวลา
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยความชุ่มชื้นให้กับผิวก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยรักษาผิวให้มีสุขภาพแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid, Squalane, Ceramides, Glycerin, Shea Butter, น้ำมันอาร์แกน วิตามิน A, E, F และกรดไขมันโอเมก้า 3, 6, 9 ซึ่งจะช่วยให้ความชุ่มชื้นลดการระคายเคืองของผิวและเติมน้ำให้ผิวอิ่มฟูรักษาผิวให้มีความอ่อนเยาว์ขึ้น และไม่ก่อให้เกิดริ้วรอยแห่งวัยก่อนเวลาอันควร
4. เมโสหน้าใส
การฉีดสารสกัดจากกลุ่มวิตามินรวมต่างๆเข้าสู่ชั้นผิวหนังโดยตรง จะช่วยทำให้สารสกัดที่สำคัญต่างๆ เช่น Vitamin A, Vitamin B, Vitamin C, Vitamin E, Transamin และ Glutatione สามารถซึมซาบลงไปยังผิวหนังชั้นกลาง เพื่อช่วยในกระบวนการผลัดเซลล์ผิวทำให้สิวหายได้เร็วขึ้น ช่วยการฟื้นฟูให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น และช่วยซ่อมแซมผิวที่เสียหายจากการเกิดสิว
5. มาเด้คอลลาเจน
การฉีดสารสกัดต่างๆจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อผิวโดยตรง เช่น Vitamin C, Vitamin B, Sulphur D12, Collagen D8, Hyaluronidase D8, Placenta ลงบนผิวหน้าโดยการฉีดเมเด้คอลลาเจน 16 จุด ตามจุดการไหลเวียนของน้ำเหลือง เพื่อให้ตัวยากระจายตัวไปทั่วเซลล์ผิว จึงทำให้เกิดเซลล์บำบัดซ่อมแซมผิว บำรุงผิว แบบ Homeopathy เพื่อช่วยรักษาผิวหน้าให้มีรวามแข็งแรงขึ้น และช่วยรักษาสิว ฝ้า กระ ริ้วรอย จุดด่างดำ และขจัดสารพิษที่ตกค้างบนผิว เพื่อปรับให้ผิวพรรณมีสุขภาพดีขึ้น และเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับผิวได้อีกด้วย
6. รีจูรัน (Rejuran)
การฉีด รีจูรัน (Rejuran) เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์อีกอย่างหนึ่งที่ช่วย ฟื้นฟูผิวหน้าให้อ่อนเยาว์ขึ้น เป็นแนวคิดการฟื้นฟูผิวหนังด้วย Polyneucleotide บริสุทธิ์ หรือ Salmon DNA พิสูจน์แล้วว่าเข้ากันได้ดีกับร่างกายของมนุษย์ เป็นการฉีดตัวยาเข้าสู่ใต้ชั้นผิวเพื่อช่วยให้ผิวหนังดูอ่อนเยาว์และดูมีคุณภาพผิวที่ดียิ่งขึ้นดูเป็นธรรมชาติเป็นอย่างมาก ลดการเสื่อมสภาพและสามารถช่วยฟื้นฟูและช่วยสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม : ฉีดรีจูรัน (Rejuran) คืออะไร ทำไมถึงนิยม ราคาแพงไหม ทำกี่ครั้งถึงเห็นผล
7. Crystal DNA
crystal dna เป็รเทคโนโลยีที่ผ่านการคัดสรรตัวยาที่มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูมากที่สุด สามารถบำรุงผิวหน้าได้ในทุกมิติ ด้วยสารอาหารผิวที่เข้มข้น โดดเด่นด้วยคุณสมบัติของ Revitalizing solution ด้วยการผสมผสาน essential micronutrients ที่มีความสำคัญในการช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ให้ผิวหนังให้กลับมามีสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ แลดูผิวชุ่มชื้นและดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง พร้อมปรับการทำงานของโครงสร้างผิวให้มีความสมบูรณ์แบบได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ถือเป็นการดูแลผิวที่เป็นขั้นสุด เพื่อให้ผิวเรียบเนียน ฉ่ำโกลว์
8. เลเซอร์รักษาสิว
ด้วยพลังงานที่มีคลื่นแสงจากเครื่อง Dual Yellow เลเซอร์จะช่วยเข้าไปกระตุ้นระบบการทำงานของผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับทำงานได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง ซึ่ง Dual Yellow Laser จะมีความพิเศษกว่าเครื่องเลเซอร์ทั่วไปคือ เป็นเครื่องเลเซอร์ที่มี 2 ลำเเสงด้วยกัน ได้แก่เเสงสีเขียวความยาวคลื่น 511 nm. ช่วยทำลายเม็ดสี Melanin นิยมใช้ลดรอยดำหลังจากการรักษาสิว และเเสงสีเหลืองความยาวคลื่น 578 nm. มีหน้าที่ช่วยทำลายเม็ดสี Oxyhemogiobin และรักษาสิวอักเสบ ทำให้สิวหายได้รวดเร็วมากขึ้น แถมยังช่วยลดโอกาสการเกิดรอยดำจากสิวอีกด้วย
9. ฉายแสง
การฉายแสง หรือ (Acne-light) เป็นการใช้พลังงานแสงที่มีความเข้มข้นสูงในการฆ่าเชื้อสิว กำจัดเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบของผิวหนัง และช่วยลดรอยแดงสิว เป็นเทคโนโลยีอีกหนึ่งของทางการแพทย์ที่นิยมในการรักษาสิว เพื่อดูแลผิวพรรณได้อย่างเป็นธรรมชาติและช่วยให้มีสุขภาพดีขึ้นทั้งใบหน้าแบะช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาดีขึ้นกว่าเดิม แต่การฉายแสงนี้อาจส่งผลข้างเคียงกับผิวได้ เช่นมีอาการแสบร้อนผิว ปวดบวม ระคายเคือง และอาจทำให้ผิวลอกได้
วิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันสิวหน้าผาก?
- ห้ามแคะ แกะ บีบ หรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณหน้าผาก ไม่เอามือสัมผัสใบหน้าบ่อยๆครั้ง
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และกระตุ้นระบบต่างๆของร่างกายให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
- รักษาความสะอาดของผิวหน้าให้หมดจด และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิว เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เกิดสิวที่หน้าผากได้
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิว โดยเฉพาะเครื่องสำอาง รวรเลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
วิธีเลือกคลินิกรักษาสิวหน้าผาก ที่ไหนดี?
- เลือกคลินิกมีเครื่องมือ และหัตถการในการดูแลผิวอย่างครบวงจรโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
-เลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ มีการแนะนำให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา มากกว่าการเน้นขายบริการเพียงอย่างเดียว
-เลือกคลินิกที่มีหลากหลายสาขาทั่วกรุงเทพ เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง - เลือกคลินิกที่มีการพูดถึงในโลกโซเชียล รีวิวของผู้เข้าใช้บริการจริง เพื่อให้มั่นใจในบริการและผลลัพธ์ที่จะได้
-เลือกคลินิกที่มีราคาและ แจ้งราคาไว้อย่างชัดเจนเพื่อสามารถจับต้องและมีการจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษเพื่อความคุ้มค่าของผู้เข้ารับบริการ
สรุป
การรักษาสิวหน้าฝากบางชนิดอาจขำเป็นต้องใช้วิธีการรักษาร่วมกันมากกว่า 2 วิธีขึ้นไป และควรได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สิวหายไปโดยไม่กลับมาเป็นแบบซ้ำๆ นอกจากนี้การดูแลความสะอาดของผิวแบบล้ำลึก และบำรุงผิวหน้าให้แข็งแรงอยู่เสมอก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยป้องกันการเกิดสิวที่หน้าผากในอนาคตได้ ดังนั้นหากใครที่กำลังหาวิธีรักษาสิวที่หน้าผากอยู่นั้น ควรเลือกปรึกษาคลินิกที่มีผู้เชี่ยวชาญด้วนผิวหนังและสามารถดูแลผิวได้อย่างครบวงจร