เลเซอร์รอยสิว ลดรอยดำ รอยแดง ได้จริงไหม? เลือกเครื่องแบบไหนดี? ทำกี่ครั้งหาย
เป็นสิวก็ว่ารักษาหายยากแล้ว แต่การรักษารอยสิวนั้นยากยิ่งกว่า โดยเฉพาะหากทำการรักษาที่ไม่ถูกวิธีแล้วล่ะก็อาจจะทำให้เกิดเป็นรอยดำ รอยแดง และรอยแผลเป็นหลุดสิวได้เลย แต่อย่าเพิ่งกังวลไปนะคะ เพราะในปัจจุบันเรามีนวัตกรรมเลเซอร์รอยสิว ที่มีผลการวิจัยออกมาแล้วว่าสามารถรักษาสามารถรักษารอยสิวได้ 20-50% ตั้งแต่ครั้งแรก แต่ควรเลือกเครื่องเลเซอร์รอยสิวแบบไหน และมีข้อระวังอะไรบ้างที่ควรทราบสามารถหาคำตอบในบทความนี้เลยค่ะ
ทำความรู้จักปัญหารอยสิว แต่ละแบบ
รอยสิวโดยส่วยใหญ่มักเกิดขึ้นจากกระบวนการซ่อมแซมบาดแผลและการฟื้นฟูผิวหนังที่อักเสบของร่างกาย หลังจากการเกิดจากสิวอุดตัน หรือสิวอักเสบทำให้เมื่อสิวหายแล้วจึงทิ้งรอยสิวเอาไว้ ซึ่งสามารถแบ่งออกตามลักษณะของรอยเป็น 3 แบบ คือ
- รอยแดง (Post – Inflammatory Erythema) คือรอยสิวที่เกิดจากการอักเสบของผิว หรือการบีบ การแกะสิว ซึ่งจะกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดการผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้นเมื่อสิวสายและจึงทิ้งรอยแดงไว้บนผิว
- รอยดำ (Post – Inflammatory Hyperpigmentation) คือรอยที่เกิดหลังจากรอยแดง มักมีสาเหตุเกิดจากการแกะหรือบีบสิว หรือการอักเสบของผิว จึงทำให้ร่างกายกระตุ้นเมลาโนไซต์ (Melanocytes) ให้ผลิตเมลานิน (Melanin) ใน Keratinocytes มากกว่าปกติ ซึ่งมักเกิดกับคนที่มีผิวสีเข้ม
- รอยหลุมสิว (Atrophic Scars) คือรอยที่เกิดขึ้นจากการอักเสบที่รุนแรง เป็นเวลานานและลึกถึงชั้นหนังแท้ ทำให้คอลลาเจนถูกทำลายจนเกิดพังผืดเกาะยึดระหว่างเนื้อเยื่อของชั้นผิว ทำให้ผิวหนังเกิดการยุบตัวลงทำให้แผลเป็น และผิวหน้าไม่เรียบเนียน
เลเซอร์รอยสิว คืออะไร
เลเซอร์รอยสิว คือ นวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยแก้ปัญหารอยสิวโดยการใช้แสงเลเซอร์เข้มข้นสูง ในช่วงความถี่ที่เหมาะสม เพื่อส่งพลังความร้อนลงสู่ใต้ชั้นผิวเพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อผลิตเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงขึ้น ไปพร้อมๆกับการสลายเนื้อเยื่อแผลเป็นของหลุมสิว โดยเครื่องเลเซอร์ที่ใช้ควรเป็นเครื่องเลเซอร์ที่มีคุณสมบัติในการรักษารอยสิวโดยเฉพาะ
เครื่องเลเซอร์รักษารอยสิว มีอะไรบ้าง?
ในปัจจุบันการทำเลเซอร์รอยสิวสามารถเลือกรักษาด้วยเครื่องเลเซอร์หลายชนิด ตามลักษณะของรอยสิวได้แก่
- Q-Switched
เครื่องเลเซอร์ที่มีคลื่นความยาวคลื่น 2 รูปแบบ คือ 1,064 nm และ 532 nm (Frequency-double mode) ซึ่งเป็นความยาวคลื่นที่เหมาะกับการรักษา ฝ้า กระ และรอยดำ โดยเฉพาะนอกจากนี้พลังแสงเลเซอร์ยังช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสเรียบเนียน และอ่อนเยาว์ลง แต่หลังการทำผิวอาจมีการแห้งตกสะเก็ดได้ - FRACTIONAL CO2 LASER
เครื่องเลเซอร์ที่มีการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาเป็นตัวกลางทำให้เกิดแสงเลเซอร์ ทำให้มีความยาวคลื่น 10,600 nm. และมีลำแสงเลเซอร์ขนาดเพียง 0.07 มิลลิเมตรต่อจุด ทำงานด้วยระบบ Scanner จึงมีความแม่นยำสูงในการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าและเร่งเผยผิวใหม่ จึงสามารถทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้นและลดรอยสิวให้จางลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่แสงจากเลเซอร์มีความรุนแรง ทำให้มีสะเก็ดแผลใหญ่และเยอะ จึงต้องใช้เวลาพักหน้าหลายวัน - IPL
IPL หรือ Intense Pulsed Light เป็นเครื่องลำแสงที่มีความเข้มข้นสูง โดยการส่งพลังงานแสงพุ่งเข้าไปรักษาบริเวณผิวที่มีปัญหา ด้วยความยาวของคลื่นแสงตั้งแต่ 515 ถึง 1,200 nm. ทำให้สามารถรักษาปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย แต่การส่งพลังงานของ IPL เป็นการส่งพลังงานแบบไม่เฉพาะเจาะจงจึงอาจทำให้ผิวบริเวณใกล้เคียงได้รับผลกระทบจากการรักษาได้ อีกทั้งในขณะทำยังให้ความรู้สึกเจ็บ จึงทำให้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในปัจจุบัน - Dual Yellow
Dual Yellow Laser เป็นนวัตกรรมเครื่องเลเซอร์หน้าใสใหม่ล่าสุดจากประเทศออสเตรเลีย ที่มีการผสานแสงเลเซอร์ 2 ชนิด ได้แก่ คลื่นสีเหลืองมีความยาว 578 nm. สามารถจับกับออกซีฮีโมโกลบิน (Oxyhemoglobin) จึงส่งผลต่อเส้นเลือดฝอยเล็ก ๆ เน้นทำให้รอยแดงจากสิวจางลง และ เคลื่อนสีเขียวที่มีความยาว 511 nm. ซึ่งส่งผลต่อเม็ดสีเมลานิน จึงสามารถลบรอยดำจากสิว ฝ้า กระ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้หากทำเลเซอร์หน้าใส พร้อมกันทั้ง 2 ลำแสง กระตุ้นการ สร้างคอลลาเจน ซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น หลุมสิวดูตื้นขึ้น โดยไม่ทำให้รู้สึกเจ็บที่ผิว หรือเป็นแผลตกสะเก็ดหลังทำ - PICO
PICO Laser เป็นเครื่องเลเซอร์ที่มีการส่งพลังงานที่รวดเร็วที่สุดแบบ Picosecond ระดับความเร็วที่ส่งพลังงานเลเซอร์ไปใต้ชั้นคือ 1 ต่อ ล้านล้านวินาที ซึ่งทำให้เม็ดสีที่มีความผิดปกติจากรอยสิว มีการแตกกระจายตัวออกเป็นโมเลกุลที่เล็กมาก และด้วยความยาวมคลื่น 1,064 nm. จึงสามารถส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวได้อย่างตรงจุด เหมาะสำหรับการรักษากระตื้น กระสึก กระแดด กระลึก และรอยสิวทุกชนิด ไปพร้อมๆกับการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูสภาพผิวหน้าให้สม่ำเสมอ - V-Beam
V-Beam เป็นเลเซอร์ชนิด Pulsed Dye Laser ที่มีความยาวคลื่น 595 nm. มีหลักการทำงานแบบ Micro Pulse Technology ที่สามารถส่งแสงลงไปทำลายเส้นเลือดบริเวณฐานของสิว เพื่อลดการเกิดรอยแดงจากสิว และนอกจากนี้ยังสามารถรักษาปัญหาผิวได้หลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการรักษารอยสิวให้จางลง
เลเซอร์รอยสิวเหมาะกับใคร
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการลบรอยแดง รอยดำ รอยต่างๆที่เกิดจากสิวให้หายไปจากใบหน้าหลังการรักษาสิว
- เหมาะผู้ที่ต้องการให้ผิวหน้ากระจ่างใสเรียบเนียนขึ้น
- เหมาะผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยแผลเป็น หลุมสิวหรือร่องลึกจากสิวให้จางลง
- เหมาะกับกลุ่มของวัยรุ่นที่มักมีปัญหาสิวอักเสบจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างรวดเร็ว
- เหมาะกับผู้ที่ลองรักษารอยสิวด้วยวิธีอื่นแล้วไม่เห็นผลตามที่ต้องการ
- เหมาะกับผู้ที่ไม่เคยเข้ารับการฉายรังสีบนใบหน้า
ใครไม่เหมาะกับการทำเลเซอร์รอยสิว
- ไม่เหมาะสำหรับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ ผิวมีอาการติดเชื้อ
- ไม่เหมาะกับผู้ที่ผิวเป็นผื่นภูมิแพ้ หรือผู้ที่มีสิวอักเสบ สิวหนอง (ควรรับการรักษาก่อนทำเลเซอร์หน้า)
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลสดบนใบหน้า หรือแผลผ่าตัดที่ยังไม่ครบ 6 เดือน
- ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ข้อดีของการทำเลเซอร์รอยสิว
- การทำเลเซอร์รอยสิวเป็นการรักษาปัญหาที่ผิวชั้นลึก โดยไม่ส่งผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายกับผิวชั้นบน
- การทำเลเซอร์รอยสิวให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วทันใจตั้งแต่ครั้งแรก
- การทำเลเซอร์รอยสิวไม่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดผื่นแพ้ และไม่เพิ่มปัญหาการอักเสบให้กับผิว
- การทำเลเซอร์รอยสิวไม่ให้ความรู้สึกเจ็บ ไม่มีแผลเปิดที่ผิว จึงไม่เสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็นใหม่
- หลังการทำเลเซอร์ลบรอยสิวสามารถกลับไปทำกิจวัตรตามปกติได้ทันที
ข้อเสียของการทำเลเซอร์รอยสิว
- หลังการทำเลเซอร์อาจมีอาการบวม แดงที่ผิวได้ ซึ่งโดยปกติแล้วจะค่อยๆหายได้เอง
- ในระหว่างการทำเลเซอร์รอยสิวบางชนิดอาจทำให้เกิดความเจ็บปวดได้
เลเซอร์รอยสิว กี่ครั้งหาย ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล?
ปกติแล้วการเลเซอร์สิวจะเห็นได้ว่ารอยสิวจางลงตั้งแต่ครั้งแรก และเมื่อได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง 3-5 ครั้งขึ้นไป รอยสิวจะจางลงจนสภาพผิวกลับมาเรียบเนียนจนไม่เห็นรอยเลย
เลเซอร์รอยสิว เจ็บไหม?
การทำเลเซอร์รอยสิวเป็นการส่งพลังงานความร้อนสงสู่ชั้นผิวจึงอาจทำให้รู้สึกเจ็บจี๊ดบ้างเป็นบางจุด แต่สำหรับการทำเลเซอร์รอยสิวด้วย Dual Yellow ที่มีเทคโนโลยี dynamic Cooling Device ที่ปล่อยก๊าซความเย็นเพื่อลดความร้อนและถนอมผิวชั้นบน ในขณะทำจึงไม่รู้สึกเจ็บ ไม่ต้องแปะยาชาเหมือนเครื่องอื่น
เลเซอร์ลดรอยสิว ทำให้หน้าบางจริงไหม
การทำเลเซอร์รอยสิวจะทำให้ผิวหน้าบางลงเป็นความเชื่อแบบผิดๆ เพราะจริงๆแล้วนอกจากการเลเซอร์จะไม่ได้ทำให้หน้าบางลง การทำเลเซอร์ยังเป็นการปรับสภาพและกระตุ้นเซลล์ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้
การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์รอยสิว
เพื่อให้การทำเลเซอร์เป็นไปอย่างปลอดภัย ไม่เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ผู้เข้ารับบริการจะต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมดังนี้
- ก่อนทำเลเซอร์ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
- งดการครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ เช่น กรดAHA และ BHA
- ทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 PA++ ก่อนออกจากบ้านก่อนทำเลเซอร์รอยสิว
- หากคนไข้เคยมีประวัติเป็นโรคเริม ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำการรักษา
- ควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ ก่อนทำเลเซอร์รอยสิวอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดทานอาหารเสริมหรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างยาแอสไพริน ก่อนการทำเลเซอร์อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- หยุดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ
- งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของเรตินอล (Retinol) และกรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) ก่อนการรักษาอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
ขั้นตอนการทำเลเซอร์รอยสิว
การทำเลเซอร์รอยสิวจะใช้เวลาในการยิงประมาณ 30 นาที ขึ้นอยู่กับจำนวน และประเภทของรอย โดยมีขั้นตอนในการทำดังนี้
- ผู้เชี่ยวชาญจะเริ่มจากการทำความสะอาดเครื่องสำอาง คลีนผิวและให้คนไข้ล้างหน้าให้หมดจดก่อนทำเลเซอร์
- ทาเจลเย็นให้ทั่วบริเวณที่ต้องการทำเลเซอร์ หรือบางเครื่องอาจต้องแปะยาชาทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที เพื่อลดความรู้สึกเจ็บในขณะทำ
- แพทย์ทำการยิงเลเซอร์เพื่อรักษารอยสิว ซึ่งหากมีหัวสิวการยิงเลเซอร์จะช่วยเปิดหัวสิวให้สามารถกดเอาก้อนไขมันออกมาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 30 นาที
การดูแลหลังทำเลเซอร์รอยสิว
โดยปกติแล้วหลังการทำเลเซอร์ผิวอาจเกิดรอยแดง หรืออาจมีสะเก็ดแผลบางๆที่ผิวได้ดังนั้นหลังการทำเลเซอร์จึงจำเป็นจะต้องมีการดูแลตัวเองดังนี้
- งดการล้างหน้าในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการทำเลเซอร์
- หลังการทำเลเซอร์รอยสิวควรงด ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีกรด AHA แอลกอฮอล์ และน้ำหอม เพื่อป้องกันการระคายเคืองของผิว
- ควรทานยาที่ทางคลินิกให้มา และทายาตามที่แพย์แนะนำ
- งดการใช้รองพื้น คอนซิลเล่อร์ หรือในการแต่งหน้าประมาณ 1 สัปดาห์
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน ให้ความชุ่มชื้นกับผิว และงดการสครับขัดผิว 2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดๆ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ และควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 30PA++ ทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน
- งดการใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน เพื่อป้องกันการอุดตันในรูขุมขน 2-3 เดือน หลังการทำเลเซอร์
วิธีเลือกคลินิกทำเลเซอร์รอยสิว ที่ไหนดี?
- เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้อง มีการแสดงเลขที่ใบจดแจ้งไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน
- เลือกคลินิกที่ให้คำปรึกษาอย่างละเอียด พร้อมเปิดเผยข้อมูลว่าใช้เครื่องเลเซอร์ชนิดไหนในการรักษา
- เลือกคลินิกที่ให้บริการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแบบเฉพาะทาง และมีการเปิดเผยใบประกอบวิชาชีพของแพทย์ผู้ทำหัตถการรักษา
- เลือกคลินิกที่มีสาขาที่เดินทางสะดวก มีสาขาอยู่ในห้างสรรพสินค้า หรือมีหลายสาขาใกล้บ้านให้เลือกใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง
เลเซอร์รอยสิว ราคาเท่าไหร่?
ราคาเลเซอร์รอยสิวด้วย Dual Yellow ที่มีราคาเริ่มต้นเพียง 3,500 บาทเท่านั้น แนะทำให้ทำทุกๆ 2 สัปดาห์เพื่อให้รอยสิวจางลงได้ไวมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีโปรโมชั่นดังนี้
Dual Yellow Laser
- 1 ครั้ง 3,500 บาท
- 5 ครั้ง 15,000 บาท (เฉลี่ยครั้งละ 3,000 บาท)
- 10 ครั้ง 25,000 บาท (เฉลี่ยครั้งละ 2,500 บาท)
รีวิว เลเซอร์รอยสิว
หลังการทำเลเซอร์รอยสิวด้วย Dual Yellow จะเห็นได้ชัดเจนว่ารอยแดง รอยดำต่างๆดูจางลง หลุมสิวดูตื้นขึ้น และผิวหน้ามีความเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
สรุป
การทำเลเซอร์รอยสิวถือเป็นนวัตกรรมการดูแลผิวหน้า ลบเลือนริ้วรอยต่างๆ จากสิว ที่แพทย์ผิวหนังให้การยอมรับและให้ความนิยมกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะ Dual Yellow Laser ซึ่งเป็นเครื่องเลเซอร์ที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย) ประเทศไทย และ (US FDA) จาก สหรัฐอเมริกา ซึ่งพร้อมให้คุณได้ใช้บริการแล้ววันนี้ที่กังนัมคลินิกทุกสาขา