ทำความรู้จักกับสาเหตุของ สิวอุดตัน เกิดจากอะไร? มีวิธีรักษาและป้องกันได้หรือไม่

สิวอุดตัน หายเองได้ไหม

หลายคนคงจะเคยรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจกับปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนจากสิวอุดตัน ที่เป็นเม็ดเล็กๆขึ้นอยู่บริเวณใบหน้า และมักพบบริเวณหน้าผากและคาง ซึ่งหากไม่รีบทำการรักษาก็อาจจะทำให้พัฒนากลายเป็นสิวอักเสบได้ ในบทความนี้จึงพามารู้จักกับสาเหตุของการเกิดสิวอุดตัน และวิธีรักษาสิวอุดตันอย่างถูกต้องมาแนะนำ ซึ่งจะมีวิธีอะไรบ้างมาอ่านกันเลย

สิวอุดตัน คืออะไร?

สิวอุดตัน คืออะไร เกิดจากอะไร

สิวอุดตัน (Comedones) เป็นลักษณะของเม็ดสิวชนิดไม่อักเสบประเภทหนึ่ง ที่จะมีตุ่มสิวอยู่ใต้ชั้นผิวแต่จะมีหัวสิวโผล่ขึ้นมาบนผิวชั้นนอกเล็กน้อยทำให้เวลาสัมผัสจะรู้สึกได้ถึงความไม่เรียบเนียนของผิว สิวประเภทนี้หากปล่อยไว้ไม่กดออกมักจะก่อให้เกิดสิวอักเสบขึ้นได้ในอนาคต

สิวอุดตันเกิดขึ้นจากอะไร

สิวอุดตันเกิดจากอะไร

สิวอุดตันเกิดจากต่อมไขมันที่เชื่อมติดกับรูขุมขนมีการผลิตน้ำมันมากผิดปกติ ทำให้มีไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิวรวมตัวกับเซลล์ผิวและสิ่งสกปรกที่ตกค้างในรูขุมขนจนเกิดการอุดตันเป็นเม็ดสิวขึ้น ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลทำให้รูขุมขนอุดตันนั้นมีดังนี้

  • ฝุ่นควัน ฝุ่นละออง : พวกฝุ่นต่างๆ นั้นมักจะลอยอยู่ในอากาศเป็นจำนวนมาก ทำให้มีโอกาสสูงที่ฝุ่นเหล่านั้นมาเกาะที่ผิวของเราจนทำให้เกิดการอุดตันเกิดขึ้น
  • เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว : ร่างกายของเราจะมีกระบวนการผลัดเซลล์ผิวอยู่ ซึ่งในบางครั้งการผลัดเซลล์ผิวที่เก่าแล้วให้หลุดออกไปมีความบกพร่องทำให้ยังมีเซลล์ผิวที่ตายแล้วบางส่วนติดอยู่ซึ่งเมื่อไปเจอกับแบคทีเรีย ฝุ่น ต่างๆ ก็จะนำไปสู่การอุดตันจนกลายเป็นสิวในที่สุด
  • การล้างเครื่องสำอางไม่หมดจนเกิดการอุดตันขึ้น : พวกเครื่องสำอาง ครีมหรือเซรั่มบำรุงผิวต่างๆ เมื่อเราทาแล้วแต่เราทำความสะอาดไม่หมดก็ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นทำให้เกิดสิวอุดตันได้ง่ายมากๆ
  • การทานของทอดของมัน แป้ง และน้ำตาลเป็นประจำ : อาหารจำพวกนี้จะเป็นตัวกระตุ้นทำให้ปริมาณน้ำตาลในร่างกายของเราสูงขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน : อย่างเช่น ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ที่จะไปกระตุ้นทำให้ร่างกายผลิตซีบัมในผิวจนทำให้เกิดการอุดตัน

ลักษณะของสิวอุดตัน

สิวอุดตันเป็นสิวที่มีลักษณะเป็นหัวสิวนูนออกมาจากผิวหนัง แข็งเป็นไต หรืออาจมีลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ เมื่อจับไปจะรู้สึกว่าผิวไม่เรียบ และทำให้ผิวมีอาการระคายเคืองหรือบวมแดงได้ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบรักษา อาจพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบได้

ประเภทของสิวอุดตันมี 2 ประเภท

ประเภทของสิวอุดตัน

สิวอุดตันหัวปิด(Closed Comedone)

เป็นสิวอุดตันที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กๆ มองเห็นเป็นจุดสีขาวและไม่มีรูเปิด เนื่องจากรากสิวประเภทนี้จะอยู่ลึกกว่าสิวหัวดำหรือสิวอุดตันหัวเปิด ทำให้สามารถรักษาได้ยากกว่า หากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานโดยไม่รีบรักษาสิวอุดตันนี้ก็จะมีการพัฒนาเป็นสิวอุดตันที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีโอกาสเกิดการติดเชื้อกลายเป็นสิวอักเสบได้

สิวอุดตันหัวเปิด (Open Comedone)

เป็นสิวอุดตันที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูน และมีหัวสีดำอยู่ตรงกลาง ที่สามารถบีบหรือกดออกจากใต้ผิวหนังได้ง่ายกว่าสิวอุดตันหัวปิด แต่อาจทำให้เกิดการอักเสบและเป็นรอยสิวได้

สาเหตุของการเกิดสิวอุดตัน

สาเหตุของการเกิดสิวอุดตัน

สิวอุดตันเกิดจากไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิวและสิ่งสกปรกที่ตกค้างในรูขุมขน รวมถึงเซลล์เยื่อบุผิวหนังที่ตายแล้วจับรวมตัวจนเกิดการอุดตัน ซึ่งจะเกิดภายในรูขุมขนใต้ผิวหนัง และเป็นตุ่มนูนบนผิวหนัง โดยปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดสิวอุดตัน ได้แก่

  1. เกิดจากการที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป (Sebum production) ทำให้การผลัดเซลล์ผิวทำงานผิดปกติ จนเกิดการอักเสบ
  2. เกิดจากการอักเสบและการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน (Inflammation and Immune response) ทำให้มีจำนวนเซลล์ผิวเพิ่มขึ้นเร็วกว่าปกติ จนเกิดเป็นสิวอุดตันและสิวอักเสบได้
  3. เกิดจากเซลล์ผิวหนัง (Keratinocytes) มีการเพิ่มจำนวนมากเกินไป และผลัดเซลล์ผิวเก่าได้ช้าผิดปกติ จนทำให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขนได้ง่าย (Follicular epidermal hyperproliferation)
  4. เกิดจากการทำงานของแบคทีเรียที่มีชื่อว่า C.acnes เหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบ ทำให้จุลินทรีย์ที่อยู่บนผิวหนังเสียความสมดุล (Microbial dysbiosis) จนเซลล์ผิวหนังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดการอักเสบได้ง่ายขึ้น

สิวอุดตัน มักเกิดบริเวณไหนบ้าง?

  • สิวอุดตันที่แก้ม
  • สิวอุดตันที่หน้าผาก
  • สิวอุดตันที่คาง
  • สิวอุดตันที่จมูก
  • สิวอุดตันที่หลัง
  • สิวอุดตันใต้ผิวหนัง

สิวอุดตันสามารถป้องกันได้หรือไม่?

วิธีลดสิวอุดตันด้วยการป้องกันถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ถึงแม้ว่าจะมีบางปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น อย่างฮอร์โมน และพันธุกรรม แต่เราก็สามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดสิวอุดตันได้ดังนี้

วิธีกำจัดสิวอุดตัน ด้วยวิธีธรรมชาติ

การป้องกันสิวอุดตันถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ถึงแม้ว่าจะมีบางปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น อย่างฮอร์โมน และพันธุกรรม แต่เราก็สามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดสิวอุดตันได้ดังนี้

1. ล้างหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ

ล้างหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ

การล้างหน้าให้สะอาดอยู่เสมอโดยเวลาหลังการแต่งหน้า แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ Makeup Remover เพื่อช่วยล้างคราบสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่บนผิวได้หมดจดมากขึ้น (ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิวอุดตัน) นอกจากนี้ควรเลือกเครื่องสำอางประเภท (non-comedogenic) ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน

2. พักผ่อนให้เพียงพอ

พักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง โดยเฉพาะการนอนในเวลา 4 ทุ่ม จะช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นผลดีที่จะช่วยทำให้ผิวแข็งแรง และเป็นส่วนช่วยลดการเกิดสิวได้อีกหนึ่งวิธี

3. ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน

ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน

การดื่มน้ำมากๆจะช่วยให้ร่างกายสามารถกำจัดของเสียได้มากขึ้น ช่วยทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น และกระตุ้นการทำงานของผิวให้ดีขึ้น จึงทำให้ผิวแข็งแรงและช่วยลดปัจจัยของการเกิดสิวอุดตันที่กวนใจ

4. ใช้โทนเนอร์สูตรรักษาสิวอุดตัน

ใช้โทนเนอร์สูตรรักษาสิว

ผลิตภัณฑ์โทนเนอร์นั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีในการช่วยทำความสะอาดผิวหน้า เช็ดเอาสิ่งสกปรกที่เราทำความสะอาดไม่หมดจากขั้นตอนการล้างหน้าออกไปจากผิวได้ดี นอกจากนั้นสารบำรุงในโทนเนอร์ยังมีส่วนช่วยในการช่วยลดความมัน และช่วยลดโอกาสการเกิดสิวได้ดี

การรักษาสิวอุดตัน แบบเร่งด่วน ด้วยวิธีทางการแพทย์

วิธีรักษาสิวอุดตัน แบบเร่งด่วน

1. Pora cooling

ผลักวิตามินเข้าสู่ผิวอย่างล้ำลึกเพื่อให้ได้ผิวที่สม่ำเสมอ พร้อมฆ่าเชื้อสิวด้วย Pora cooling เป็นวิธีที่จะช่วยกำจัดสิ่งสกปรก ลดความมัน ควบคุมจำนวนแบคทีเรีย และผลัดเซลล์ผิวที่ตายออกไปเพื่อป้องกันการอุดตัวบนผิว และผลักวิตามินให้ซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ดีกว่าการทาครีมบำรุง

2. Made Collagen

เป็นสารวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นไปบนผิวหน้า 16 จุด ตามการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง เพื่อให้เกิดการบำบัดและฟื้นฟูสภาพผิวได้ลึกถึงระดับเซลล์ ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง และทนต่อมลภาวะต่างๆโดยไม่ถูกทำร้ายได้ง่ายๆ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ข้อควรรู้ก่อนฉีดมาเด้คอลลาเจน made 16 จุด คืออะไร มีความเสี่ยงอะไรบ้าง

3. ฉีดผิววิตามิน

ฉีดวิตามินผิวเป็นการบำรุงผิวโดยรวม ด้วยการเติมสารอาหารที่จำเป็นผ่านทางเส้นเลือด ซึ่งสามารถช่วยในการกระตุ้นการทำงานของผิวให้กลับมาแข็งแรง สดชื่น กระจ่างใส ควบคุมความมัน และลดช่วยลดโอกาสของการเกิดสิวอุดตันได้อีกด้วย

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ฉีดวิตามินผิว ดีไหม ก่อนฉีดผิวขาวครั้งแรก ควรรู้อะไรบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายหลังฉีด

4.รักษาสิวอุดตันด้วยเลเซอร์ Dual Yellow

เป็นเลเซอร์บำรุงผิวหน้าที่มีการผสมผสานระหว่างความยาวคลื่น 2 ประเภท คือแสงสีเขียวและแสงสีเหลือง ซึ่งประสิทธิภาพในการบำรุงผิวด้วย Dual yellow 1 ครั้ง เทียบเท่าการทำเลเซอร์ทั่วไปถึง 4 ครั้ง ซึ่งจะช่วยในการขับสิ่งสกปรกที่อยู่บนผิว และกระตุ้นให้ผิวแข็งแรงขึ้น และช่วยลดโอกาสการเกิดสิวอักเสบในอนาคตได้อีกด้วย

5. ทายาและรักษาสิวโดยแพทย์ผิวหนัง

ทายาและรักษาสิวโดยแพทย์ผิวหนัง

การรักษาสิวอุดตันด้วยการทายาที่มีการออกฤทธิ์ลดการอุดตัน ลดการอักเสบ และฆ่าเชื้อสิว เช่นคลินดามัยซิน หรือฮีรีโทรมัยซิน จะทำให้สิวอุดตันลดลงได้ แต่หากใช้ยาแล้วไม่เกิดผลแนะนำให้พบแพทย์เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัย และได้รับยารักษาที่ถูกต้อง

6. กดสิวอุดตัน

กดสิวอุดตัน

การกดสิวถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายๆ คนเลือกใช้ในการรักษาสิวอุดตันซึ่งวิธีนี้จะต้องทำกับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นเพราะหากทำเองจะทำให้เกิดการอักเสบจนนำไปสู่สิวอักเสบหรือรอยสิว หลุมสิวขึ้นได้ ซึ่งหากทำการกดกับผู้เชี่ยวชาญนั้นจะมีการใช้อุปกรณ์ในการเปิดหัวสิวอย่างเข็มเล่มเล็กๆ หรือการยิงเลเซอร์เปิดหัวสิวก่อนแล้วค่อยทำการกดเอาหัวสิวออก

7. ทานยารักษาสิว

การทานยาปฏิชีวินะหรือยาเพื่อปรับฮอร์โมนถือเป็นอีกวิธีที่จะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวอุดตันจากการเปลี่ยนแปลงของฮฮร์โมนในร่างกายได้ ซึ่งวิธีนี้จะต้องพบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนและไม่ควรหาซื้อยามาทานเองเด็ดขาดเพราะยาบางตัวอาจเกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายขึ้นได้

8. ฉีดยารักษาสิว

วิธีการฉีดสิวนั้นคือการใช้ตัวยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) ฉีดเข้าไปในเม็ดสิวเพื่อให้ตัวยาเข้าไปทำลายแบคทีเรียในสิว ทำให้สิวยุบตัวไวขึ้น แต่วิธีนี้จส่วนใหญ่จะมักใช้กับกลุ่มคนที่มีปัญหาสิวอักเสบและไม่เหมาะกับคนที่มีสิวอุดตันเยอะๆ นอกจากนั้นยังไม่เหมาะกับคนที่มีประวัติแพ้ยายาไตรแอมซิโนโลนอีกด้วย

9. การกรอผิว

การกรอผิว (Microdermabrasion) เป็นวิธีการใช้ผลึกแร่หรือผลึกคริสตัลชนิดพิเศษในการกรอผิวเพื่อทำให้เซลล์ผิวชั้นนอกหลุดออกไปทำให้หัวสิวหลุดตันหลุดออกมาด้วย ซึ่งวิธีนี้จะต้องใช้เทคนิคพิเศษของแพทย์เพราะหากไม่มีความเชี่ยวชาญมากพออาจทำให้เกิดบาดแผลขึ้นได้ นอกจากนั้นยังช่วยแก้ปัญหาผิวไม่เรียบเนียนให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

10. การจี้ด้วยไฟฟ้า

การจี้ด้วยไฟฟ้า (Electrosurgery) คือใช้เครื่องจี้ไฟฟ้าในการเข้าจี้หัวสิวที่ปิดอยู่ให้เปิดขึ้น ทำให้สามารถกดเอาหัวสิวออกมาได้ง่ายมากขึ้น จึงเหมาะมากกับคนที่มีปัญหาสิวอุดตันเยอะ และช่วยลดโอกาสการเกิดรอยช้ำรอยสิวจากการกดสิวได้

11. การฉีด Exosome

เป็นวิธีการช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวด้วยสารชีวโมเลกุลที่มีมาถึง 1,000 ชนิด จึงสามารถช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวให้เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ผิวมีความแน่นกระชับ และมีโครงสร้างผิวที่แข็งแรงขึ้นจึงช่วยลดโอกาสเกิดสิวได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังช่วยเสริมความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้ผิวได้

12. การฉีด REJURAN

ตัวนี้จะเป็นตัวสารที่เป็นสารโพลี่นิวคลีโอไทด์ ที่สกัดมาจากปลาแซลม่อนถึงมีความใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ทำให้หลังฉีดไปแล้วตัวยาไปกระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ผิว กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและช่วยปรับโครงสร้างผิวให้มีความแน่นแข็งแรงมากยิ่งขึ้นได้ ที่สำคัญช่วยลดการเกิดสิว รักษารอยแผลเป็นจากสิวและยังช่วยปรับผิวให้มีความกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ

การดูแลตัวเองเมื่อเป็นสิวอุดตัน

การดูแลตัวเองเมื่อเป็นสิวอุดตัน

เมื่อพบว่าเป็นสิวอุดตันควรมีการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบหรือทิ้งรอยสิวหลังการรักษา ดังนี้

  1. ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนสำหรับการรักษาสิวโดยเฉพาะ และไม่ควรล้างหรือถูหน้าแรง ๆ
  2. ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และหลีกเลี่ยง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพื่อไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
  3. พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่นอนดึก ลดความเครียดและดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ ให้เพียงพอต่อร่างกายในแต่ละวันเพื่อให้เซลล์ผิวได้ฟื้นฟู
  4. ลดการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาล แป้ง และไขมัน เพื่อลดการความมันและลดโอกาสการเกิดสิวอุดตัน
  5. ไม่แกะ ไม่บีบสิว หรือไม่สัมผัสบริเวณใบหน้าบ่อย ๆ เพราะผิวอาจเกิดการติดเชื้อจากสิ่งสกปรกที่มือได้
  6. เช็ดเครื่องสำอางให้หมดจดทุกครั้งและล้างหน้าให้สะอาด
  7. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์กับผิว เช่นผัก ผลไม้ วิตามิน อาหารเสริมต่างๆ
  8. ทำทรีตเม้นท์บำรุงผิวหน้า หรือทำเลเซอร์หน้าใสเป็นประจำ เพื่อให้ผิวมีการฟื้นฟูได้ไวขึ้น (อ่านเพิ่มเติม : เลเซอร์หน้าใส ช่วยอะไร? เหมาะกับใคร ราคาเท่าไหร่ ทำที่ไหนดี 2023 )

สิวอุดตันทำให้เกิดสิวอักเสบได้หรือไม่?

สิวอุดตันอาจจะไม่ได้ส่งผลทำให้เกิดเป็นสิวอักเสบทันที แต่หากปล่อยไว้นานๆโดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี เมื่อมีการติดเชื้อหรือมีการกระตุ้นก็สามารถพัฒนาความรุนแรงไปเป็นสิวอักเสบได้เช่นกัน

บทความแนะนำ : สิวอักเสบ คืออะไร ? พร้อมแนะนำวิธีดูแล และรักษาให้ได้ผลแบบธรรมชาติ

ข้อควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิวอุดตัน

1. สิวอุดตันหายเองได้หรือไม่?

สิวอุดตันบางส่วนสามารถหายได้เอง โดยการใช้ยาละลายหัวสิวแต้ม แต่อาจจะต้องใช้ระยะเวลา1-2 สัปดาห์ แต่สิวอุดตันบางประเภทก็จำเป็นต้องกดหรือบีบออก แต่ถ้าเป็นสิวอุดตันจำนวนมากแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาแนวทางการรักษาแบบเร่งด่วน

2. การรักษาสิวอุดตันต้องใช้ระยะเวลานานแค่ไหน

ระยะเวลาในการรักษาสิวอุดตันแต่ละครั้งนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับระดับความหนักเบาของคนไข้ ดังนั้นจึงควรเข้าปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษาให้ตรงจุดจะได้เห็นผลที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

3. หากรู้สึกมีสิวอุดตัน สามารถบีบหรือแกะได้หรือไม่?

สิวอุดตันสามารถกดหรือบีบได้ หากรู้วิธีที่ถูกต้องและใช้เครื่องมือที่สะอาด แต่สำหรับคนที่กดหรือบีบสิวไม่เป็นก็จะทำให้ดันหัวสิวลึกลงไปกว่าเดิม หรือทำให้เกิดการอักเสบ จนเกิดเป็นรอยสิวตามมา ดังนั้นจึงขอแนะนำให้กดสิวอย่างถูกวิธีกับผู้เชี่ยวชาญ โดยเครื่องมือเฉพาะ มีความสะอาด เพื่อไม่ทำให้เนื้อเยื่อช้ำ ไม่เกิดรอยดำ รอยแดงจากสิวตามมา

4. สิวอุดตันสีดำคืออะไร?

สิวอุดตันสีดำนั้นก็ถือเป็นสิวอุดตันประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการสะสมของไขมัน แบคทีเรีย สิ่งสกปรกต่างๆ ในชั้นผิวเกิดเป็นสิวอุดตัน และเกิดการออกซิไดซ์ขึ้นจากการสัมผัสกับอากาศภายนอกจนทำให้หัวสิวเปลี่ยนเป็นสีดำนั่นเอง

5. สิวอุดตันเป็นอันตรายต่อผิวหรือไม่

การเป็นสิวอุดตันนั้นไม่ได้มีความอันตรายต่อร่างกาย แต่อาจจะส่งผลต่อผิวเพราะจะทำให้เกิดสภาพผิวที่ไม่เรียบเนียน และหากไม่ทำการกดเอาหัวสิวออก อาจจะทำให้เกิดการนำไปสู่ปัญหาสิวอักเสบหรือสิวหัวช้างขึ้นได้ ในอนาคต

6. ถ้าเป็นสิวอุดตันจำเป็นต้องหาหมอหรือไม่?

การเป็นสิวอุดตันหากปล่อยทิ้งไว้นานๆ หรือหากได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้สิวอุดตัวนั้นมีการอักเสบหรือทิ้งรอยจากสิวได้ (ซึ่งรอยสิวจะทำการรักษาได้ยากและใช้เวลาค่อนข้างนานกว่า) ดังนั้นหากใครที่มีปัญหาสิวอุดตัน และต้องการได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีโดยไม่ทิ้งรอย การพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษาจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น

7. กินอะไรช่วยให้สิวอุดตันหาย

เรื่องอาหารที่ทานเข้าไปนั้นก็ถือว่าเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดสิวอุดตันได้ ดังนั้นจึงควรเลี่ยงอาหารกลุ่มของหวาน ของมัน ของทอด และเลือกทานอาหารกลุ่ม ธัญพืชและถั่ว, ผักใบเขียว, ผลไม้น้ำตาลต่ำ, เนื้อสัตว์, ข้าวไรซ์เบอรี่ เป็นต้น

สรุป

การรักษาสิวอุดตันสามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาค่อนข้างนาน และเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็นได้ ดังนั้นหากใคร ที่ต้องการรักษาสิวอุดตันอย่างเร่งด่วนโดยไม่ทิ้งรอยแผลใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง