7 วิธีแก้ปัญหาหน้าหมองคล้ำ ไม่มีราศี ด้วยวิธีไหนบ้าง ได้ผลเป็นธรรมชาติ
สาเหตุของใบหน้าหมองคล้ำขึ้น เป็นปัญหาผิวที่เกิดได้จากหลายปัจจัย ส่งผลให้บุคลิกภาพแย่ลง ขาดความมั่นใจได้ ซึ่งสามารถรักษาให้หายได้ด้วยหลากวิธี สำหรับคนที่ต้องการวิธีช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาขาว กระจ่างใส ดูมีออร่า ควรเลือกวิธีที่ได้ประสิทธิภาพสูงและปลอดภัย ร่วมกับการดูแลตัวเอง แนะนำให้ศึกษาแต่ละวิธีอย่างละเอียดเพื่อให้ได้วิธีที่เหมาะสม
สาเหตุปัญหา หน้าหมองคล้ำ เกิดจากอะไร?
การเกิดความหมองคล้ำที่ผิวหน้าสามารถมาได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ส่วนมากมักเกิดขึ้นจากการดูแลตัวเองที่ไม่เพียงพอ ขาดความใส่ใจ หรือละเลยเรื่องสุขภาพ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่มองข้ามก็ส่งผลให้หน้าหมองคล้ำได้ในระยะยาว ปัจจัยหลักที่ส่งผลมากที่สุดมักเกิดจากสาเหตุและปัจจัยเหล่านี้
หน้าหมองจากแดด
แสงแดดเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อความหมองคล้ำของผิวหน้า เนื่องจากในแดดมีแสง UV ที่ทำร้ายผิว ทำให้ผิวคล้ำ รวมทั้งก่อให้เกิดความเหี่ยวย่น ริ้วรอย และจุดด่างดำได้ ความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวจะลดลง ผิวหนังผลิตเม็ดสีเมลานินออกมามากขึ้น ผิวจึงเปลี่ยนเป็นสีเข้ม เกิดได้ทั้งในคนที่มีผิวขาวและผิวคล้ำ
ผิวหน้าไม่ได้ผลัดเซลล์
วงจรการสร้างเซลล์ผิวของมนุษย์โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ประมาณ 4 สัปดาห์ต่อครั้ง ซึ่งพออายุเยอะขึ้นการผลัดเซลล์ผิวจะลดลง ทำให้เกิดเป็นความหมองคล้ำเนื่องจากเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วไม่ถูกขจัดออกไป ดังนั้นคนที่ไม่ได้ทำการสครับผิวหน้าหรือใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวก็มีโอกาสที่จะมีผิวหน้าหมองคล้ำได้มากขึ้น ผิวขาดความกระจ่างใส ไม่มีชีวิตชีวาได้เช่นกัน
ดื่มน้ำน้อย
น้ำเป็นของเหลวที่หล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงเป็นส่วนประกอบสำคัญของผิวหนังอีกด้วย โดยใน 1 วันควรดื่มน้ำ 8 – 10 แก้วขึ้นไป ซึ่งการที่ดื่มน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่นน้อยลง สารอาหารไปเลี้ยงผิวไม่เพียงพอ ส่งผลให้ผิวหน้าหมองคล้ำลง นอกจากนี้ยังดูไม่สดใส และอาจทำให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมาได้
อาการเครียด
ความเครียดเป็นสภาวะด้านจิตใจที่สามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ เพราะระหว่างที่รู้สึกเครียดจะมีการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งทำให้ร่างกายผลิตน้ำมันมากยิ่งขึ้นได้ เป็นสาเหตุของสิว ความหมองคล้ำ และผิวที่แห้งกร้าน ทำให้ดูโทรมลงเหมือนคนไม่ได้พักผ่อน เป็นผลเสียทั้งต่อผิวหน้าและสุขภาพ
ลักษณะและอาการที่สังเกตได้ว่าหน้าหมองคล้ำ
วิธีการสังเกตผิวหน้าที่มีความหมองคล้ำสามารถดูได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน โดยผิวที่หมองคล้ำไม่เพียงแต่มีสีที่เข้มขึ้น แต่ยังสังเกตได้จากลักษณะอื่นๆ ร่วมด้วยได้ดังนี้
- สีผิวไม่สม่ำเสมอกัน เมื่อเกิดความหมองคล้ำ อาการเบื้องต้นที่สังเกตได้เลยก็คือ สีผิวเริ่มขาดความสม่ำเสมอ โดยจะมีบางส่วนที่มีสีเข้มกว่าส่วนอื่นๆ เห็นความต่างได้ชัดเจนเมื่อเทียบกับสีผิวปกติ และจะยิ่งชัดมากที่สุดหลังออกแดดหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งมาเป็นเวลานาน หากปล่อยไว้นานๆ ผิวจะเริ่มเข้มขึ้นทั่วทั้งผิวหน้าและรักษาได้ยากขึ้น
- หน้าเป็นฝ้า ปัญหาผิวที่แก้ได้ยากซึ่งเกิดควบคู่กับความหมองคล้ำ คือ จุดด่างดำ หรือ ฝ้า มักเกิดจากสาเหตุผิวถูกทำร้ายจากแสงแดด ในบางรายที่มีผิวสีเข้มอยู่แล้วอาจสังเกตเห็นความหมองคล้ำได้ยาก แต่หากมีฝ้า กระ หรือจุดด่างดำขึ้นที่ผิวหน้า ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่าผิวกำลังเผชิญอยู่กับปัญหาความหมองคล้ำแล้วนั่นเอง
- ผิวแห้งกร้าน นอกจากความไม่สม่ำเสมอของสีผิวและฝ้า กระ ที่สามารถขึ้นมาพร้อมความหมองคล้ำได้แล้ว ยังมีปัญหาผิวอย่างความแห้งกร้านที่บ่งชี้ได้ว่าผิวอยู่ระหว่างการถูกทำร้าย เนื่องจากเมื่อเซลล์ผิวอ่อนแอจะส่งผลโดยตรงทำให้ขาดความยืดหยุ่น ผิวขาดความชุ่มชื้นและน้ำหล่อเลี้ยง เกิดเป็นความแห้งกร้าน ผิวหน้าหยาบกว่าปกติ ซึ่งมาพร้อมกับความหมองคล้ำได้นั่นเอง
ข้อเสียของปัญหาหน้าหมองคล้ำ ส่งผลเรื่องอะไรบ้าง?
ผิวหน้าที่ดีควรมีลักษณะของความชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง อิ่มน้ำ และมีความกระจ่างใส ซึ่งการเกิดความหมองคล้ำทำให้ขาดความสวยงาม ดูสุขภาพไม่ดี พร้อมปัญหาอื่นๆ ที่เกิดตามขึ้นมาได้ดังต่อไปนี้
- ทำให้ไม่มีราศี ความสวยงามเป็นความประทับใจแรกพบซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความมั่นใจในตัวเอง เสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดี เมื่อผิวหน้าเกิดความหมองคล้ำจึงทำให้สูญเสียออร่าได้ โดยเฉพาะกับคนที่ทำงานที่ต้องพบปะผู้คน การมีผิวกระจ่างใสจะช่วยส่งเสริมในจุดนี้ได้ดีกว่า
- แต่งหน้าไม่ติด การมีผิวหน้าหมองคล้ำมีสาเหตุจากผิวถูกทำร้าย ซึ่งไม่เพียงแต่เกิดความหมองคล้ำเท่านั้น ผิวยังแห้งกร้าน ขาดน้ำ ทำให้แต่งหน้าได้ยากขึ้น รองพื้นไม่ค่อยติดผิว หรือเฉดสีที่เคยใช้อาจไม่เหมาะกับสีผิว ทำให้ต้องเปลี่ยน เสียเวลาและเสียเงินมากกว่าเดิม
- ดูมีอายุมากขึ้น ผิวหน้าหมองคล้ำยังส่งผลให้ภาพลักษณ์ดูโทรมขึ้น ผิวขาดความเปล่งประกาย ไม่เป็นไปตามวัยที่เหมาะสม ทำให้ดูมีอายุมากขึ้น นอกจากนี้ยังอาจมาพร้อมความเหี่ยวย่นและริ้วรอยได้ ซึ่งส่งผลให้อายุผิวมากกว่าอายุจริง
- ดูเป็นคนสุขภาพไม่ดี การมีผิวหน้าหมองคล้ำทำให้ดูสุขภาพผิวแย่ลง เหมือนคนไม่ได้พักผ่อน หรือเหมือนคนป่วย ซึ่งอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ได้ ขาดความน่าเชื่อถือ กระทบต่อหน้าที่การงาน
วิธีแก้ปัญหาหน้าหมองคล้ำ
ปัญหาหน้าหมองคล้ำส่งผลต่อความสวยงาม ทำให้ขาดความมั่นใจ และยังกระทบต่อหน้าที่การงานได้ ดังนั้นหากประสบปัญหานี้อยู่ ควรหาวิธีแก้ไขและรักษาที่เหมาะสมเพื่อฟื้นคืนผิวหน้ากระจ่างใสกลับมาโดยเร็วที่สุด
1. เลเซอร์หน้าใส
เลเซอร์หน้าใสเป็นการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์เข้ามายิงตรงสู่ผิวเพื่อระงับการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติ สามารถจับจุดได้ดี ไม่ทำร้ายผิวในบริเวณที่ไม่ต้องการหากเลือกประเภทเลเซอร์ที่เหมาะสม เป็นวิธีที่เหมาะกับคนที่ต้องการให้เห็นผลลัพธ์เร็ว ช่วยรักษารอยดำได้ รวมถึงยังทำให้ผิวกลับมากระจ่างใส มีชีวิตชีวา เนื่องจากกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวได้ดี
ถ้ายังไม่แน่ใจว่าเหมาะกับวิธีนี้ไหมสามารถอ่านเพิ่มเติมจากบทความ : เลเซอร์หน้าใส ช่วยอะไร? เหมาะกับใคร ราคาเท่าไหร่ ทำที่ไหนดี 2022
2. กินวิตามินผิว
วิตามินซีและกลูต้ามีส่วนช่วยให้ผิวกระจ่างใส สามารถพบได้ในผัก ผลไม้หลายชนิด แต่ปัจจุบันก็มีการกินวิตามินแบบเม็ดซึ่งสะดวกและเห็นผลไวกว่า ไม่ต้องกินผักหรือผลไม้สดในปริมาณมากๆ เพื่อให้เห็นผล โดยการกินวิตามินแบบเม็ดจะทำให้ร่างกายดูดซึมได้ไวขึ้นโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยมากเท่าการกินผลไม้ เหมาะกับคนที่เร่งรีบ ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส มีออร่า ดูสดใสขึ้น แต่มีข้อจำกัดคือไม่สามารถเลือกกำหนดให้ขาวขึ้นเฉพาะผิวหน้าได้
3. ทาครีมบำรุงผิวหน้า
สกินแคร์หรือครีมบำรุงผิวหน้าที่มีคุณสมบัติช่วยเรื่องความขาวกระจ่างใส หากเลือกใช้เป็นประจำต่อเนื่องสามารถปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้น ผิวหน้าขาว ลดความหมองคล้ำได้ ซึ่งควรทาควบคู่กับครีมกันแดดในตอนกลางวันเพื่อลดการเกิดความหมองคล้ำขึ้นมาใหม่ เป็นการบำรุงอย่างล้ำลึก แต่อาจเห็นผลได้ช้า เหมาะกับคนที่มีวินัยในการทำ เพราะใช้เวลานาน
4. รักษาความสะอาดบนใบหน้า
ผิวหมองคล้ำยังเกิดจากการสะสมสิ่งสกปรกบนผิวหน้า ร่วมกับเซลล์ผิวเก่าที่ไม่ถูกผลัดออก วิธีรักษาด้วยการทำความสะอาด ใช้ผลิตภัณฑ์เร่งการผลัดเซลล์ผิว หรือทำสครับอย่างสม่ำเสมอก็สามารถช่วยให้ผิวหน้ากลับมาขาวขึ้นได้ เหมาะกับคนที่ต้องการให้ผิวขาวขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ ไม่มีปัญหาผิวอื่นๆ ร่วมด้วย
5. ฉีดเมโสหน้าใส
การฉีดเมโสหน้าใส เป็นการฉีดวิตามินผิวเพื่อช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น เพิ่มความกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ โดยการฉีดสารสกัดเข้มข้นจากวิตามิน คอลลาเจน โคเอนไซม์และกลูต้าไธโอน ซึ่งเป็นอาหารผิวที่ได้จากธรรมชาติเพื่อช่วยในการฟื้นฟูผิว เหมาะกับคนที่อยากให้ผิวขาวโกลว์จากภายใน ปลอดภัย และเห็นผลลัพธ์ได้นาน โดยการฉีดเมโสหน้าใสมี 2 แบบด้วยกันที่นิยมดังนี้
- ฉีดมาเด้คอลเจน มาเด้คอลลาเจนเป็นยี่ห้อหนึ่งของเมโสหน้าใส เน้นผลลัพธ์เรื่องการขับสารพิษในผิว ทำให้ผิวหน้ากลับมากระจ่างใส เปล่งประกาย ผิวแข็งแรง ดูสุขภาพดีขึ้น มีเทคนิคการฉีดที่จุดฝังเข็ม 16 จุด ทำให้การกระจายของตัวยามีประสิทธิภาพ สามารถแก้ปัญหาสิวอุดตันได้ด้วย (ใครเหมาะกับวิธีนี้บ้างอ่านเพิ่มเติม ข้อควรรู้ก่อนฉีดมาเด้คอลลาเจน made 16 จุด คือะไร มีความเสี่ยงอะไรบ้าง 2022 )
- ฉีดไซโตแคร์ การฉีดตัวยาที่ช่วยกระตุ้นให้คอลลาเจนใต้ผิวทำงานได้ดีขึ้น สามารถลดฝ้ากระได้ และยังทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว ช่วยแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน้าเปล่งปลั่ง โกลว์สวยขึ้นเมื่อฉีดเป็นประจำทุกเดือน
- ฉีด Exosome จัดเป็นตัวยากลุ่มสกินบูสเตอร์ตัวหนึ่งที่เด่นในเรื่องของการซ่อมแซมเซลล์ผิวปรับผิวให้มีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ช่วยลดรอยสิว รอยหมองคล้ำ และแก้ปัญหาหลุมสิวได้เป็นอย่างดี และเมื่อฉีดอย่างต่อเนื่องจะช่วยปรับผิวให้สวยแบบ Glass Skin ได้เป็นอย่างดี
6.ฉีดรีจูรัน
เป็นการฉีดตัวยาที่มีชื่อว่า รีจูรัน (Rejurun) ซึ่งเป็นตัวยาที่สกกัดมาจาก DNA ของปลาแซลม่อนทำให้มีความคล้ายเคียงกับ DNA ของมนุษย์ ซึ่งความพิเศษคือช่วยในเรื่องการปรับผิวให้มีความกระจ่างใสขึ้น ช่วยปรับรูขุมขนให้มีความกระชับ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว พร้อมช่วยลดเลือดริ้วรอย หลุมสิวต่างๆ ให้ค่อยๆ จางลง
7. ทำ New Pora cool
เป็นวิธีการฟื้นฟูผิวหน้าด้วยวิตามินและแสง LED เพื่อให้ตัววิตามินและแสงสามารถลงไปฟื้นฟูปัญหาผิวใต้ผิวหนังได้ดี โดยความพิเศษของหัตถการนี้คือการมีแสงหลายสี ซึ่งแต่ละสีต่างก็มีข้อดีในการช่วยดูแลผิวดังนี้
- แสงสีน้ำเงิน : ช่วยแก้ปัญหาสิว ช่วยฆ่าเชื้อสิว พร้อมปรับผิวหน้าให้กระจ่างใส
- แสงสีแดง : ช่วยต่อต้านการเกิดริ้วรอย พร้อมช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวเพื่อให้ผิวกระชับ เต่งตึงขึ้นจากภายใน
- แสงสีเหลือง : มีคุณสมบัติในการช่วยของการฟื้นฟูผิว ช่วยลดอาการบวมแดง พร้อมแก้ปัญหาริ้วรอยตื้นๆ และปรับให้ผิวดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
- แสงสีเขียว : ช่วยลดการสร้างเม็ดสีในชั้นผิว รวมถึงช่วยลดฝ้า กระ และจุดด่างดำต่างๆ ทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสมากขึ้น
การดูแลตัวเองไม่ให้หน้าหมองคล้ำ
นอกจากการเลือกวิธีแก้ความหมองคล้ำแล้ว ควรต้องดูแลตัวเองด้วยวิธีอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวกลับมาหมองคล้ำอีก ด้วยวิธีดังนี้
- ทาครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพก่อนทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวัน
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ ที่ช่วยเรื่องผิว
- หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความเครียด
สรุปวิธีไหนช่วยแก้หน้าหมองคล้ำ ได้เร่งด่วน และปลอดภัย
การเลือกวิธีแก้หน้าหมองคล้ำที่ดีที่สุดคือวิธีที่ตอบโจทย์ตามความต้องการของตนเอง แต่หากอยากได้วิธีที่ปลอดภัย เห็นผลได้ไว เลือกการฉีดเมโสหน้าใสก็ช่วยได้ เพราะสามารถปรับผิวให้กระจ่างใสได้ใน 7 – 14 วัน และคงอยู่ได้นานประมาณ 1 เดือน เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้น และไม่เป็นอันตราย หากได้รับตัวยาที่ได้มาตรฐาน ฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ราคาจับต้องได้