ทำความรู้จัก กระ มีกี่ชนิด เกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลและรักษาให้หายขาด
แสงแดดถือเป็นภัยเงียบของผิว เพราะในแสงแดดที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้นั้นมักแฝงไปด้วยแสง UVA, แสง UVB ที่ทำร้ายผิวให้เกิดความหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ และผิวแก่ก่อนวัย ซึ่งอาจทำให้หลายๆคนเกิดความกังวล ดังนั้นเพื่อดูแลผิวหน้าให้กลับมากระจ่างใสเรียบเนียนดังเดิม วันนี้ออนนี่ได้เตรียมวิธีลดกระบนใบหน้าพร้อมวิธีดูแลป้องกันกระจากแสงแดด และลดฝ้าที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะมีวิธีอะไรที่น่าสนใจบ้างมาดูกันเลย
กระบนใบหน้า เกิดจากอะไร?
กระ เกิดจากการที่เม็ดสีเมลานิน (Melanin pigment) สร้างเม็ดสีมากขึ้นผิดปกติ ซึ่งเป็นผลผลิตที่ได้จากการสร้างเซลล์ผิวหนังที่มีชื่อว่า เมลาโนไซต์ (melanocyte) ซึ่งเป็นสารสีที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูง มีการเจริญมาจากเซลล์ระบบประสาทซึ่งแทรกตัวอยู่ในชั้นหนังกำพร้า เมื่อถูกแสงแดดจะมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ สีน้ำตาลอ่อน และสีน้ำตาลเข้มพบได้บนใบหน้าและตามร่างกายที่มีการสัมผัสกับแสงแดด มักเกิดในคนผิวขาวมากกว่าคนผิวดำ
กระ มีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร
กระสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ตามลักษณะที่มีความแตกต่างกันออกไป ได้แก่
กระตื้น
กระตื้น เป็นกระที่รักษาได้ง่ายกว่ากระชนิดอื่น ๆ มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเล็ก ๆ เกิดจากเซลล์เม็ดสีใต้ผิวหนังทำงานผิดปกติ ทำให้เซลล์เม็ดสีมีความไวต่อแสงแดด มักพบบริเวณที่บริเวณโหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง จมูก หรือบริเวณที่มีการสัมผัสแดดมาก โดยสาเหตุของเซลล์เม็ดสีทำงานผิดปกติส่วนใหญ่มักมาจากพันธุกรรม
และประกอบกับการสัมผัสกับแสงแดดเป็นประจำโดยไม่มีการป้องกันที่ดี จึงทำให้กระมีความเข้มขึ้น และมีจำนวนมากขึ้นนั่นเอง
กระลึก
มีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ มีลักษณะเป็นจุด ๆ หรือแผ่นคล้ายกับกระตื้น แต่จะมีสีเข้มกว่า เช่นมีน้ำตาลเข้ม และมีขอบไม่ชัดทำให้รักษาได้ยากกว่า ซึ่งกระชนิดนี้เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดสีบริเวณชั้นหนังแท้ ซึ่งจะมีสีเข้มขึ้นเรื่อย ๆ หากได้รับการกระตุ้นจากแสงแดดมักพบบ่อยบริเวณ โหนกแก้ม ขมับ จมูก โดยกระชนิดนี้มักพบตั้งแต่แรกเกิดและมีชัดขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นโดยรังสี UV หรือการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนในช่วงวัยรุ่น, ช่วงตั้งครรภ์ และในช่วงอายุที่มากขึ้น
กระเนื้อ
มีลักษณะเป็นติ่งเนื้อเล็กๆ สีน้ำตาลอ่อน หรือน้ำตาลเข้ม นูนขึ้นมาเล็กน้อยจากผิว มีทั้งแบบผิวเรียบและผิวขรุขระ มักเกิดขึ้นที่บริเวณใบหน้า ลำคอ หน้าอก และลำตัว มักเกิดมาจากการที่ผิวหนังชั้นหนังกำพร้าเจริญเติบโตผิวปกติ โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากกรรมพันธุ์ โดยกระเนื้อจะมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีจำนวนมากขึ้น เมื่อได้รับการกระตุ้นจากแสงแดดและอายุที่มากขึ้นนั่นเอง
กระแดด
มีลักษณะเป็นจุดหรือปื้นเรียบ สีน้ำตาลหรือสีดำขอบชัด มีขนาด 0.3-2 เซนติเมตร มักพบในบริเวณ ใบหน้า แขน ขา หรือจุดที่มีการสัมผัสกับแสงแดดบ่อยๆ และมักเกิดกับผู้ที่มีผิวขาวมากกว่าผู้ที่ผิวคล้ำ และพบมากในคนที่มีอายุค่อนข้างสูง
วิธีรักษากระ ให้หายขาด แบบธรรมชาติ
การรักษากระด้วยวิธีต่างๆ อาจจะมีระยะเวลาในการรักษาและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นควรรักษาให้เหมาะสมกับชนิดของกระด้วยวิธีต่างๆดังต่อไปนี้
1. ทาครีมรักษากระ
การทาครีมรักษากระที่มีส่วนผสมของ Arbutin, Kojic, Alpha Arbutin, Azelaic Acid Tranexamic Acid, ซึ่งสารสกัดที่มีคุณประโยชน์ในการช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดกระ ลดจุดด่างดำ และกระตุ้นการกำจัดเซลล์ผิวเก่าพร้อมเร่งเผยผิวใหม่มาทดแทน แต่อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล และต้องใช้ความสม่ำเสมอในการครีม
2. ใช้ AHA
กรด AHA (เอเอชเอ) หรือ กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids) เป็นกรดผลไม้ ที่มีประสิทธิภาพช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่าและเร่งเผยเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน จึงทำให้เม็ดสี Melanin ถูกกำจัดออกไปด้วย ดังนั้นการใช้ AHA จึงสามารถช่วยลดกระได้เช่นกัน แต่การเห็นผลลัพธ์อาจจะค่อนข้างนาน และต้องใช้ความสม่ำเสมอแต่ก็ถือว่าเป็นวิธีที่มีความปลอดภัย
3. มาส์กหน้าแบบธรรมชาติ
การมาส์กหน้าด้วยสารสกัดสูตรจากธรรมชาติเป็นอีกวิธีที่จะช่วยลดกระ และเติมความชุ่มชื้นเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวเพื่อปกป้องไม่ให้ผิวเกิดกระจากแสงแดด ซึ่งมีหลายสูตรได้แก่
- ใบบัวบก
เนื่องจากใบบัวบกมีสรรพคุณในการช่วยรักษาอาการของโรคผิวหนัง โดยเฉพาะการลดกระ ฝ้า และสิว ดังนั้นการนำใบบัวบกมาปั่น แล้วใช้สำลีชุบน้ำใบบัวบกเช็ดผิวหน้าที่มีกระหลังล้างหน้าก่อนนอนเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้กระค่อยๆจางลงได้ - ว่านหางจระเข้
เนื่องจากในว่านห้างจระเข้อุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด เช่นวิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 วิตามินซี วิตามินอี และกรดโฟลิก ที่ล้วนมีประโยชน์ต่อผิวช่วยลดกระให้จางลง ช่วยลดอาการแสบไหม้ของผิว ทำให้ผิวฟื้นฟู อิ่มน้ำดีขึ้น และ
ลดการระคายเคืองของผิวจากแสงแดด โดยการนำว่านหางจระเข้ที่แก่ๆ มาปอกเปลือกแล้วล้างยางออกให้หมด แล้วเอามาฝานเป็นแผ่นบางๆ พอกหน้า 15 – 20 นาที/ครั้ง ต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง - หัวไซเท้า
ในหัวไชเท้าจะมีสาร Glycoside ที่อุดมไปด้วยกรด Ascorbic acid ที่มีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิว และยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ที่เป็นสาเหตุของความหมองคล้ำ กระ รอยดำจากสิว ดังนั้นการมาส์กหน้าด้วยหัวไซเท่าจึงสามารถลดกระ และทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส คืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าไปพร้อมๆ กัน - มะเขือเทศ
เนื่องจากมีมะเขือเทศอุดมไปด้วยวิตามิน E และ C จากธรรมชาติ ซึ่งเป็นอาหารผิวที่จะช่วยทำให้ผิวมีความกระจ่างใสขึ้น ดังนั้นหากมีการนำมะเขือเทศมามาส์กหน้าเป็นประจำทุกวันจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ลดกระ จุดด่างดำ บนใบหน้าให้จางลงได้ พร้อมช่วยให้ผิวหน้ามีความสม่ำเสมอขึ้น
4. เมโสหน้าใส
การฉีดเมโสหน้าใส (Mesotheraphy) คือ การฉีดสารสกัดจากวิตามินและสารบำรุงที่สำคัญต่อผิว ลงสู่ผิวหนังชั้นกลาง ทั่วใบหน้าโดยเลือกสูตรเมโสที่เน้นการลดกระโดยเฉพาะ เพื่อช่วยปรับสภาพผิวหน้าให้มีความกระจ่างใสขึ้น และช่วยลดการสะสมของเม็ดสีบนผิวหน้า จึงส่งผลให้สามารถลดกระให้จางลงได้ 20-50 % หากมีการรักษาอย่างต่อเนื่อง (อ่านเพิ่มเติม : ฉีดเมโสหน้าใส (Mesotherapy) คือ? ช่วยอะไร ตอบทุกข้อสงสัยก่อนฉีดเมโสที่ควรรู้ )
5. กรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี
กรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี (Microdermabrasion: MD) เป็นการใช้เทคนิคการพ่นอณู crystal ของอะลูมิเนียมออกไซด์ที่มีขนาดเล็กมากประมาณ 100 ไมครอนลงบนผิวหนัง หรือที่หลายคนเรียกว่าเกล็ดอัญมณีเพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ซึ่งเป็นการขัดเอาผิวชั้นบนออกเพื่อให้ผิวดูเรียบขึ้น ลดกระให้จางลงได้อย่างรวดเร็ว แต่ข้อเสียของวิธีนี้คือในขณะที่ทำอาจรู้สึกเจ็บ แสบที่ผิว อาจทำให้ผิวแพ้ง่าย และไวต่อแสง
6. ลบกระด้วยไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)
Hydroquinone (ไฮโดรควิโนน) เป็นตัวยาที่ช่วยยับยั้งกระบวนการเปลี่ยนแปลงของสีผิว ลดความผิดปกติของการสร้างเม็ดสี และสามารถเข้าไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน จึงช่วยลดกระให้กระจางลงได้ แต่สารชนิดนี้ที่อยู่ในครีมอาจส่งผลข้างเคียงต่อโครงสร้างเนื้อเยื่อทำให้ผิวบอบบางลง จึงจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชก่อนการใช้ยา และในตัวครีมจะต้องไม่มี Hydroquinone ผสมอยู่ไม่เกิน 2% เท่านั้น เพื่อไม่ทำให้เกิดอันตรายกับผิว
7. ไอออนโต (Ionto)
ไอออนโต (Ionto) หรือ ไออนโตโฟเรซิส (Iontophoresis) คือเทคโนโลยีการสร้างคลื่นไฟฟ้ากระแสตรงอ่อนๆ ชนิดพิเศษเพื่อเป็นตัวกระตุ้นให้ผิวสามารถดูดซึมการบำรุงได้ดีขึ้น ในทางการแพทย์ด้านความงามจึงนิยมนำมาใช้ร่วมกับยาและวิตามินหลายชนิด เช่นกรดวิตามินเอ , กรดวิตามินซี เพื่อรักษาสิว, ลดกระ รักษาฝ้าให้จงลง ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในคลินิกความงามที่นิยมใช้ในการรักษากระนั่นเอง
8. เลเซอร์ลบกระ
หากลองรักษากระด้วยหลายวิธีแล้วไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ หรือหากท่านต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วสามารถเลือกทำเลเซอร์ลดกระได้ดังนี้
- Q-switched
เป็นเครื่องเลเซอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำโดยเฉพาะด้วยคลื่นแสงที่มีความหนาแน่นและมีความเข้มข้นสูงในช่วงเวลาสั้นๆ จุดเด่นคือทำให้เม็ดสีผิดปกติที่อยู่ภายใต้ชั้นผิวหนังเกิดการกระจายตัวเป็นอนุภาคขนาดเล็ก เพื่อให้เม็ดเลือดขาวเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดสีที่ผิดปกติและขับออกจากร่างกาย แต่เนื่องจากเป็นเครื่องรุ่นเก่าจึงอาจต้องทำต่อเนื่อง 5 ครั้งขึ้นไปจึงจะเห็นผล ราคา 1,900 บาท ต่อครั้ง - Pico
เลเซอร์กระ Pico Laser เป็นนวัตกรรมที่สามารถทำลายเม็ดสีผิดปกติด้วยพลังงานความเร็วสูงระดับ Picosecond จุดเด่นคือมีความยาวคลื่น 3 ระดับเพื่อแก้ไขปัญหากระได้อย่างตรงจุด ได้แก่ 1,064 สำหรับแก้ปัญหากระลึก ความยาวคลื่น 755 สำหรับแก้ปัญหากระตื้น ความยาวคลื่น 532 สำหรับแก้ปัญหากระตื้นและลดความหมองคล้ำของใบหน้า ควรทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง เพื่อการเห็นผลลัพธ์ที่ดี ราคาเริ่มต้น 2,800 บาทต่อครั้ง - Fractional CO2
เป็นเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพในการผลัดผิวเดิมออกด้วยลำแสงเลเซอร์ขนาดจิ๋วที่มีระบบ Scanner ซึ่งมีการปล่อยพลังงานด้วยความแม่นยำสูง โดยมีจุดเด่นคือเป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 10,600 นาโนเมตร จึงสามารถส่งผ่านพลังงานลงไปได้ลึกถึงระดับที่ต้องการ และสามารถตัดกระเนื้อได้โดยไม่ทำให้เลือดออก ควรทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณและประเภทของกระ ราคา 3,990 บาท ต่อครั้ง - IPL
เป็นพลังงานแสงที่มีความเข้มข้นสูงคล้ายเลเซอร์ โดยมีช่วงคลื่นแสงที่กว้างเริ่มตั้งแต่ 420 นาโนเมตร ถึง 1,200 นาโนเมตร จึงมีจุดเด่นทำให้สามารถรักษาปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม ทั้งรักษาฝ้า ลดกระ และปรับสีผิวให้มีความสม่ำเสมอ แต่ด้วยพลังงานที่ไม่มีความเฉพาะเจาะจงอาจทำให้ผิวเกิดรอยแดง และมีอาการเบิร์นที่ผิวได้ นอกจากนี้การทำ IPL ยังจำเป็นต้องใช้จำนวนครั้งที่มากกว่าการลดกระด้วยเลเซอร์ อย่างน้อย 8-10 ครั้ง ราคา 1,500 บาท ต่อครั้ง - Dual Yellow
Dual Yellow เป็นเลเซอร์หน้าใสที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากประเทศอิตาลี มีจุดเด่นคือการผสมผสานคลื่นลำแสง 2 ชนิดที่มีต้นกำเนิดจาก Copper และ Bromide ที่ให้เลเซอร์แสงสีเหลืองความยาวคลื่น 578 nm ช่วยลดการอักเสบของผิว ช่วยให้เส้นเลือดฝอยและรอยแดงดูจางลง และเลเซอร์แสงสีเขียวความยาวคลื่น 511 nm ที่มุ่งทำลายเม็ดสีเมลานิน ช่วยปรับสีผิวให้ขาวกระจ่างใส ลดกระ รักษาฝ้า รอยแดงบนผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ครั้งแรก และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อทำต่อเนื่อง 3 ครั้งขึ้นไป ราคา 3,500 บาท ต่อครั้ง
การดูแลตัวเองป้องกันการเกิดกระ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดด โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีแสงแดดจัดๆ หรือใช้ร่มที่ป้องกันรังสียูวี หรือสวมหมวกทุกครั้งเพื่อป้องกันรังสี UV
- ทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 PA++ ทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน
- บำรุงผิวหน้าให้มีความแข็งแรงอยู่เสมอด้วยการทำทรีทเม้นหรือเลเซอร์บำรุงผิว
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายเกิดกระบวนการฟื้นฟู ซ่อมแซมผิวส่วนที่สึกหรอ และลดโอกาสการเกิดรอยดำ รอยแดง ฝ้า กระบนใบหน้า
- ใช้ครีมบำรุงผิวที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากในครีมบางตัวอาจมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ (Steroid) ซึ่งอาจใช้ไปนานๆอาจส่งผลทำให้ผิวอ่อนแอลง จนผิวเกิดการระคายเคือง แพ้ง่ายและเกิดฝ้า กระจุดด่างดำบนใบหน้าได้
เลือกคลินิกรักษากระที่ไหนดี
- เลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังคอยให้คำปรึกษาและแนะนำวิธี รักษากระที่เหมาะสมกับสภาพผิว
- เลือกคลินิกที่มีการรักษากระหลากหลายวิธี เพื่อให้ครอบคลุมกับทุกสภาพผิวแบบครบวงจร
- เลือกคลินิกที่มีเครื่องมือในการลดกระแบบทันสมัย เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกอย่าง Dual Yellow Laser
- เลือกคลินิกที่มีสาขาใกล้บ้าน หรือคลินิกที่มีหลายสาขา เพื่อให้สะดวกแก่การเดินทางไปใช้บริการ
- ควรเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ มีใบอนุญาตประกอบกิจการแจ้งชัดเจน พร้อมทั้งยังได้มาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข
สรุป
การรักษากระนั้นสามารถทำได้มีหลากหลายวิธี ทั้งวิธีจากธรรมชาติ และวิธีที่ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญซึ่งสามารถให้การเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าและมีผลการรักษาที่ปลอดภัย เนื่องจากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ด้วยใช้เครื่องมือที่มีมาตรฐานรับรองจาก อ.ย. จึงทำให้คนไข้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจตั้งแต่ครั้งแรก โดยต้องลองผิดลองถูกในการรักษากระด้วยตนเอง