สาเหตุ ขาใหญ่ เกิดจากอะไร? มีวิธีลดขาใหญ่ อย่างไรให้ปลอดภัย แบบเร่งด่วน

ขาใหญ่ แก้อย่างไร

ปัญหาขาใหญ่ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ส่งผลในด้านของความมั่นใจในรูปร่าง จนลามไปถึงการความมั่นใจในการแต่งตัว เพราะในบางรายนอกจากจะมีปัญหาขาที่ใหญ่แล้วยังมีเซลลูไลท์มาทำให้เสียความมั่นใจอีกต่างหาก ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกถึงสาเหตุ ปัญหาพร้อมแจกวิธีลดขาเสกขาเรียวสวยมาฝากทุกคนกัน

ขาใหญ่เกิดจากอะไร

ปัญหา ขาใหญ่ เกิดจากอะไร?

ปัญหาขาใหญ่นั้นสามารถจำแนกออกได้เป็น 2 สาเหตุหลักๆ นั้นก็คือ ขาใหญ่จากการสะสมของไขมันที่มากและขาใหญ่จากการมีกล้ามเนื้อขนาดใหญ่

ขาใหญ่จากการสะสมของไขมันที่มาก

เกิดจากที่รับประทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลเยอะ บวกกับมีพฤติกรรมไม่ค่อยออกกำลังกายจนทำให้ร่างกายสร้างเซลล์ไขมันและเซลลูไลท์ไปสะสมที่ขาเป็นจำนวนมาก ในกรณีนี้บางรายอาจมีปัญหาผิวเปลือกส้มร่วมด้วย

ขาใหญ่จากการมีกล้ามเนื้อขนาดใหญ่

สาเหตุนี้มีปัจจัยการเกิดขึ้นได้จากหลายอย่างด้วยกันไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม หรือพฤติกรรมการใช้กล้ามเนื้อขาหนักๆ ออกกำลังกายขาหนักๆ ส่งผลให้กล้ามเนื้อขามีขนาดที่ใหญ่เลยทำให้ดูเป็นคนขาใหญ่ตามไปด้วย

เซลลูไลท์ (Cellulite) ที่ต้นขา_

เซลลูไลท์ที่ต้นขา คืออะไร?

เซลลูไลท์ (Cellulite) คือ เซลล์ก้อนไขมันขนาดใหญ่ที่เกิดการเรียงตัวกับแบบหนาแน่นในใต้ชั้นผิว จึงทำให้ก้อนไขมันมีลักษณะโผล่ขั้นมาบนผิวชั้นนอกจนทำให้ผิวส่วนนั้นดูมีความขรุขระ ไม่เรียบเนียน โดยส่วนมากมักถูกพบได้ในเพศหญิงมากกว่าเพศชายเนื่องจากเป็นปัญหาของฮอร์โมนเอสโตรเจนรวมไปถึงพฤติกรรมการชอบทานแป้ง น้ำตาล อาหารที่มีรสจัด ซึ่งส่วนใหญ่เซลลูไลท์มักพบได้บริเวณต้นขน สะโพก หน้าท้อง เป็นต้น

องค์ประกอบที่ทำให้ขาใหญ่

ต้นขาใหญ่มาก

หลายๆ คนอาจมีความคิดที่ว่าปัญหาขาใหญ่นั้นเกิดมาจากการสะสมของไขมันอย่างเดียว ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดเพราะความจริงแล้วประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลายอย่างด้วยกันดังนี้

  1. ขาใหญ่จากกล้ามเนื้อ : การมีกล้ามเนื้อที่เยอะก็ส่งผลให้ขาใหญ่ได้ ซึ่งเคสนี้มักพบในกลุ่มผู้ออกกำลังกายอย่างหนัก เช่น นักกีฬา นักเพาะกาย เป็นต้น
  2. ขาใหญ่จากเซลล์ไขมัน : มักพบได้จากกลุ่มคนทั่วไปที่มีพฤติกรรมชอบทานอาหารประเภทแป้ง ไขมัน น้ำตาลและไม่ชอบออกกำลังกาย
  3. ขาใหญ่กระดูก : สาเหตุนี้มักมาจากพันธุกรรมซึ่งถือเป็นโครงสร้างของร่างกายที่ได้มาโดยกำเนิด ไม่สามารถแก้ไขได้

ปัญหาขามีกี่แบบ แบบไหนบ้าง?

ขาใหญ่สามารถแบ่งได้ออกเป็น 4 แบบจำแนกแยกตามลักษณะของไขมันและกล้ามเนื้อได้ดังนี้

  • กล้ามเนื้อน้อย ไขมันเยอะ
    พบได้ในกลุ่มคนอ้วนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย ชอบดื่มแอลกอฮอล์ วิธีสังเกตคือเวลาจับที่ขาจะรู้สึกได้ถึงความเหลว ไม่แน่น
  • กล้ามเนื้อน้อย ไขมันน้อย
    มักพบได้จากคนผอม ที่ถูกถ่ายทอดมาจากพันธุกรรม วิธีสังเกตคือจับแล้วขามีความแน่นปานกลาง แต่ไม่มีความเฟิร์ม
  • กล้ามเนื้อเยอะ ไขมันเยอะ
    พบได้ในกลุ่มคนอ้วนสายหมี สายนักซูโม่ เวลาจับแล้วจะรู้สึกถึงความแน่นปานกลาง เพราะยังมีเซลล์ไขมันในร่างกายที่มากอยู่
  • กล้ามเนื้อเยอะ ไขมันน้อย
    พบในกลุ่มคนรักการออกกำลังกาย เวลาจับจะรู้สึกถึงความแน่นและเฟิร์มของต้นขา และสามารถเห็นกล้ามเนื้อไลน์ขนได้อย่างชัดเจน

ขาใหญ่ อันตรายไหม?

หากจะให้พูดถึงปัญหาขาใหญ่ว่ามีความอันตรายไหมก็ต้องตอบเลยว่า ตามหลักทางการแพทย์แล้วไม่ได้มีความอันตรายใดๆ ที่มากนัก เพียงแต่จะส่งผลในเรื่องของความมั่นใจในรูปร่างและสัดส่วน แต่ก็แน่นอนว่า เราควรดูแลตัวเองเพื่อปกป้องไม่ให้เกิดปัญหาขาใหญ่ เพราะหากเริ่มมีปัญหาขาใหญ่เมื่อใดแล้วเท่ากับว่าเราก็เริ่มมีปัญหาสุขภาพที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนเมื่อนั้น

ทำไมคนผอมบางคนถึงมีขาใหญ่

ในคนผอมบางคนนั้นก็สามารถเกิดปัญหาขาใหญ่ ต้นขาใหญ่ขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งเกิดจากการสะสมของไขมันในร่างกายที่เกิดขึ้นจากการทานของทอด ของมัน ของหวานร่วมกับการไม่ออกกำลังกายขาเลยทำให้เกิดการสะสมของไขมันที่ขาขึ้นได้

10 วิธีลดขาใหญ่ ให้เรียวสวย แบบเร่งด่วน

ต่อไปเรามาดูกันบ้างว่า 10 วิธีที่ช่วยในการลดขาใหญ่นั้นจะมีอะไรบ้าง และแต่ละวิธีนั้นสามารถเห็นผลได้ภายในระยะเวลาเท่าไหร่

ควบคุมอาหาร

1.ควบคุมอาหาร

โดยควรเน้นหันไปรับประทานผักและผลเป็นประจำทุกวัน พร้อมกับหลีกเลี่ยง อาหารประเภทขนมปังขาว ขนมเค้ก น้ำหวาน น้ำอัดลม ข้าวขัดสี ของทอด ของมัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงอาหารฟาสต์ฟู้ดต่างๆ และควรควบคุมปริมาณแคลอรี ในการทานแต่ละมื้อให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมตามที่ร่างกายต้องการ ดังนี้

  • เพศชาย มีปริมาณแคลอรีที่ร่างกายต้องการให้แต่ละวันอยู่ที่ 2000 – 2500 แคลอรี
  • เพศหญิง มีปริมาณแคลอรีที่ร่างกายต้องการให้แต่ละวันอยู่ที่ 1500 – 2000 แคลอรี

ระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์ : จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ภายใน 1-2 เดือน ขึ้นอยู่กับความเข้มงวดในการดูแลตัวเองและการควบคุมการทานอาหาร

2. ออกกำลังกายลดขาใหญ่

โดยจะเป็นการออกกำลังกายที่เน้นท่าในการลดสัดส่วนของขา เพื่อลดเซลล์ไขมันและปรับให้ผิวมีความกระชับมากยิ่งขึ้น โดย 4 ท่าออกกำลังกายที่แนะนำมีดังนี้

ท่า Forward Lunge ลดต้นขา
  • ท่าที่ 1 Forward Lunge

เป็นท่าที่ช่วยในเรื่องของความกระชับต้นขน เพิ่มกล้ามเนื้อต้นขาให้แข็งแรงขึ้น โดยควรทำเซตละ 15 ครั้งต่อข้าง ครั้งละ 2 เซต

ออกกำลังกายท่า Squat ลดต้นขา
  • ท่าที่ 2 Squat

ท่านี้จะช่วยเรื่องกล้ามเนื้อส่วนต้นขนและปั้นก้น ให้มีความกระชับเข้ารูปโดยควรทำเซตละ 15 ครั้งต่อข้าง ครั้งละ 2 เซต

ท่า Backward Lunge ลดขาใหญ่
  • ท่าที่ 3 Backward Lunge

เป็นท่ายกขาขึ้นลง มีส่วนช่วยในการสลายไขมันส่วนต้นขา สะโพก พร้อมปรับก้นให้มีความกระชับขึ้น โดยควรทำเซตละ 15 ครั้งต่อข้าง ครั้งละ 2 เซต

ท่า Leg Lifts ลดต้นขา
  • ท่าที่ 4 Leg Lifts

ท่านี้จะช่วยเบิร์นไขมันบริเวณขาและสะโพก พร้อมเพิ่มความกระชับให้แก่ต้นขน โดยควรทำเซตละ 10 ครั้งต่อข้าง ครั้งละ 2 เซต

ระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์ : เริ่มเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 1-2 เดือน ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการออกกำลังกาย รวมไปถึงการดูแลตัวเองเช่น หากควบคุมการทานอาหารควบคู่ไปด้วยจะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีและไวยิ่งขึ้น

Meso Fat ต้นขา

3. ฉีดแฟตลดต้นขา

การฉีดเมโสแฟต (meso fat) เป็นการฉีดตัวยาที่ช่วยสลายไขมันและลดเซลลูไลท์แบบเฉพาะจุด ด้วยการฉีดตัวยาลงไปยังตำแหน่งต่างๆ ที่มีการสะสมของไขมันให้ตัวยาเข้าไปทำการสลายไขมันให้แตกตัวและถูกขับออกจากร่างกายผ่านทางเหงื่อและปัสสาวะ ถือเป็นตัวช่วยในการลดรูปร่างและกระชับสัดส่วนต่างๆ

ระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์ : หลังจากที่เริ่มฉีดครั้งแรกจะเริ่มเห็นผลอย่างเต็มที่ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ซึ่งหากผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจสามารถมาฉีดซ้ำได้ตามความเหมาะสม ซึ่งจำนวนครั้งที่เหมาะกับการรักษาผลลัพธ์ให้ยาวนานมากยิ่งขึ้นนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 4-5 ครั้ง

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ฉีดเมโสแฟตต้นขา เสกให้ขาเรียว แบบไม่เจ็บ เหมาะกับใคร?

การดูดไขมันต้นขา

4. ดูดไขมันต้นขา

การดูดไขมัน (Liposuction) คือการใช้เครื่องในการทำการดูดไขมันออกจากร่างกาย โดยตัวเครื่องมีลักษณะคล้ายท่อยาวที่แพทย์จะทำการสอดใส่เข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อดูดไขมันออกมาจากบริเวณต่าง ๆ ทำให้จำนวนไขมันในบริเวณต่าง ๆ ลดลง ส่งผลให้สัดส่วนของร่างกายมีขนาดที่เล็กลงตามไปด้วย แต่ข้อเสียคือการดูดไขมันไม่สามารถแก้ปัญหาผิวเปลือกส้มที่เกิดจากเซลลูไลท์ได้ และก่อนทำควรเลือกสถานพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเพราะถือเป็นหัตถการที่มีความอันตรายพอๆ กับการผ่าตัด

ระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์ : สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีการดูแลตัวเองในการควบคุมการทานอาหาร ออกกำลังกายเพื่อป้องกันการสร้างเซลล์ไขมันส่วนเกินขึ้นมาใหม่

นวดสลายไขมันต้นขา

5. นวดสลายไขมันต้นขา

เป็นการนวดโดยใช้เทคนิคในการกระตุ้นการสลายใต้ชั้นผิวหนัง (Subcutaneous Fat) ให้มีการแตกตัวจนค่อยๆ สลายหายไป โดยการนวดนั้นจะใช้มือในการนวดควบคู่กับน้ำมันหรือครีมกระชับสัดส่วน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

ระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์ : จะเริ่มเห็นผลลัพธ์เมื่อทำครบ 3 ครั้งเป็นต้นไป แต่ทั้งนี้วิธีนี้ควรเข้ารับบริการอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ไวยิ่งขึ้น

6. ใส่สายรัดต้นขา

เป็นการใส่สายรัดไว้ที่บริเวณขาเพื่อทำให้ผิวส่วนขามีความกระชับและมีขนาดที่เรียวขึ้น โดยวิธีนี้จะใช้หลักการเดียวกับคอร์เซ็ทรัดเอวคอด ซึ่งจะเป็นการสวมใส่ไว้ทุกคืนก่อนนอน ซึ่งในปัจจุบันตัวสายรัดจะมีราคาตั้งแต่ 300-1,000 บาท

ระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์ : สามารถเห็นผลลัพธ์ได้หลังจากเริ่มทำเป็นประจำประมาณ 3 เดือนเป็นต้นไป ซึ่งหากทำควบคู่กับการออกกำลังกายจะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

7. เครื่อง RF กระชับต้นขา

เครื่อง RF หรือ Radio-Frequency เป็นเทคโนโลยีการปล่อยคลื่นไฟฟ้าอ่อน ๆ ลงชั้นผิวเพื่อทำการยกกระชับสัดส่วน โดยคลื่นไฟฟ้าดังกล่าวจะเป็นคลื่นวิทยุที่มีความถี่ในช่วง 0.3-0.5 MHz ทำให้เซลล์ไขมันใต้ชั้นผิวค่อยๆ แตกตัวและทำให้ผิวมีความกระชับ เต่งตึง และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น วิธีนี้ยังมีส่วนช่วยในการกำจัดเซลลูไลท์ได้ดีอีกด้วย

ระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์ : เริ่มเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์และจะเริ่มเห็นผลชัดเจนไปเรื่อยๆ เมื่อรับบริการไปแล้วประมาณ 3-5 ครั้ง

8. ฉีดโบท็อก

การฉีดโบท็อก (Botox) เป็นการฉีดสารสกัดจากแบคทีเรียสายพันธุ์เฉพาะ (Clostridium botulinum) ในรูปของโปรตีนเข้าไปในร่างกาย เพื่อให้ตัวสารดังกล่าวเข้าไปทำงานในการรบกวนระบบประสาทส่วนควบคุมกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและหดตัวลงส่งผลให้บริเวณส่วนนั้นมีขนาดที่เล็กลงตามไปด้วย

ระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์ : หากการฉีดโบท็อกเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อนั้นจะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างเต็มที่ประมาณ 2-4 สัปดาห์ ซึ่งผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือนและสามารถไปฉีดเติมได้ในทุก 6 เดือน

9. Sculpt-mus

เครื่อง Sculpt-mus ถือเป็นเครื่องที่สามารถช่วยสร้างกล้ามเนื้อ และซิกแพคได้โดยไม่ต้องออกกำลังกาย ด้วยการใช้เทคโนโลยี High-Intensity Focused Electro-Magnetic (HIFEM) ในการส่งขาดพลังลงไปยังชั้นผิวเพื่อไปกระตุ้นให้กล้ามเนื้อ มีความแน่นและแข็งแรงขึ้น ทำให้ไขมันใต้ชั้นผิวเกิดการสลายตัว

ระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์ : ในการทำ Sculpt-mus เพียงแค่ 1 ครั้งใช้เวลา 30 นาที จะรู้สึกได้เลยว่ากล้ามเนื้อมีความกระชับและตึงขึ้น โดยผลลัพธ์จะชัดเจนมากขึ้นหากเข้าทำอย่างต่อเนื่อง 4 – 8 ครั้งขึ้นไป โดยหลังจากคนไข้จะรู้สึกว่าร่างกายมีความอ่อนเพลียเสมือนผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก

10. CoolSculpting

เครื่อง Coolsculpting ถือเป็นเครื่องสลายไขมันด้วยความเย็น ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยหลักการคือการใช้หัวดูดของเครื่อง ในการดูดเอาไขมันเข้าไปและปล่อยความเย็นในระดับ -11°C เพื่อทำการแช่แข็งก้อนไขมันเอาไว้นานถึง 35 นาที จากนั้นจึงทำการนวด เพื่อให้เซลล์ไขมันเกิดการตายตัวและลดลง จนถูกขับออกจากร่างกาย

ระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์ : ในการทำ Coolsculpting นั้นสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ประมาณ 20-30% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยจะเริ่มเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนในช่วง 3-4 สัปดาห์หลังทำ

11. Z Lipo + Z Wave

เป็นอีกหนึ่งเครื่องตัวช่วยในการสลายไขมันส่วนเกินด้วยความเย็นที่มีหลักการทำงานคล้ายกับเครื่อง CoolSculpting แต่จะมีจุดเด่นพิเศษคือการทำงานด้วยกันทั้งหมดถึง 2 รอบ ด้วยการใช้เครื่อง Z Lipo ในการส่งพลังงานความเย็นเข้าไปเพื่อทำให้เซลล์ไขมันในร่างกายเกิดการแตกตัว และใช้เครื่อง Z Wave เข้าไปในรอบสองเพื่อ ทำให้เซลล์ไขมันที่เกิดการแตกตัวแล้วจัดเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และถูกขับออกจากร่างกายได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น

ระยะเวลาการเห็นผลลัพธ์ : ข้อดีของเครื่อง Z Lipo & Z Wave มันก็คือการสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำโดยจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนหลังทำประมาณ 2 เดือน โดยจะสังเกตได้เลยว่า ความหนาของชั้นไขมันมีขนาดลดลงประมาณ1-1.5 เซนติเมตร ซึ่งหากคนไข้ยังไม่ พึงพอใจกับผลลัพธ์สามารถทำซ้ำได้ตามความเหมาะสมตามที่แพทย์แนะนำ

การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันขาใหญ่

ขาใหญ่ควรดูแลตัวเองอย่างไร

หลังจากที่เรารู้ถึงวิธีการแก้ปัญหาขาใหญ่กันไปแล้วต่อไปเรามารู้กันบ้างว่ามีวิธีไหนบ้างที่เราสามารถใช้การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันปัญหาขาใหญ่ได้อีกในอนาคต

  • การเลือกทานอาหาร เน้นทานผักและผลไม้ เลี่ยงของทอด ของมันที่เป็นตัวการหลักของปัญหาขาใหญ่
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากเป็นเครื่องดื่มประเภทที่มีแคลอรีสูงส่งผลทำให้เกิดอาการ อ้วนลงพุงอ้วนลงขาได้ง่าย
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายได้มีการเผาผลาญอาหารที่ทานเข้าไปได้ดี นอกจากนั้นยังช่วยส่งเสริม ความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและความแข็งแรงให้แก่ร่างกายอีกด้วย
  • ดูแลสุขภาพจิตให้ดี เนื่องจากปัญหาความเครียดความวิตกกังวลเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ร่างกายรู้สึกอยากทานของหวานของทอดของมันมากกว่าปกติ และส่งผลให้เกิดปัญหาอ้วนขึ้นได้ในระยะยาว
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ต่างๆในร่างกายได้ ทำให้ระบบการทำงานต่างๆในร่างกายสามารถทำงานได้ดีโดยเฉพาะระบบเผาผลาญเป็นต้น

มีปัญหาขาใหญ่แต่งตัวอย่างไรดี

วิธีการแต่งกายเพื่ออำพรางรูปขาที่ใหญ่นั้นก็ถือเป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ซึ่งวิธีการแต่งตัวเพื่ออำพรางขาใหญ่จะมีดังนี้

  • การใส่กางเกงสีเข้มหรือสีดำ เนื่องจากสีดำจะช่วยอำพรางให้สัดส่วนมีขนาดเรียวเล็กขึ้น
  • การใส่กางเองเอวสูง วิธีนี้จะช่วยปรับรูปขาให้มีความเรียวยาวขึ้น
  • การใส่กางเกงขาบานหรือ Culotte ซึ่งกางเกงแบบนี้จะช่วยทำให้รูปขาของเราดูยาวขึ้น
  • การใส่รองเท้าส้นสูง เพื่อจะช่วยทำให้ช่วงขามีความเรียวยาวขึ้น

สรุปขาใหญ่แก้ยังไงได้บ้าง

ปัญหาขาใหญ่ ในปัจจุบันสามารถแก้ไขได้หลายวิธีด้วยหัตถการทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น การฉีดเมโสแฟต การฉีดโบท็อก การดูดไขมัน การใช้เครื่องสลายไขมันอย่าง Coolsculpting, Sculpt-mus และ Z Lipo & Z Wave รวมไปถึงการดูแลตัวเองไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหารการออกกำลังกาย ซึ่งวิธีต่างๆเหล่านี้ต่างมีส่วนช่วยในการปรับลดขนาดขาได้อย่างเห็นผลจริง แต่ทั้งนี้คนไข้ก็ควรทำการประเมินตัวเองว่าเหมาะสมกับวิธีไหนหรือเข้าปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำให้เหมาะสมกับปัญหาของตัวเอง

เอกสารอ้างอิง :

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง