ผิวหน้ามัน หน้าเยิ้ม เกิดจากอะไร? รู้สาเหตุพร้อมวิธีรักษา
ในวันที่อากาศร้อนๆ นั้นสิ่งที่มาคู่กับอากาศก็คือปัญหาหน้ามัน หน้าเยิ้ม หน้าเมือกระหว่างวันซึ่งทำหลายๆ ต่างพากันหมดความมั่นใจกันแบบสุดๆ ดังนั้นคนจึงเลือกที่จะเติมแป้งระหว่างวันแทน แต่ทว่าอีกหนึ่งสิ่งที่ถูกมองข้ามคือสาเหตุและปัญหาหน้ามันว่าเกิดจากอะไร และพอจะมีวิธีแนวทางไหนในการช่วยรักษาได้บ้างในบทความนี้เราจึงได้รวบรวม 10 วิธีแก้หน้ามันมาฝากทุกคนกัน
ผิวหน้ามัน คืออะไร ?
ปัญหาผิวหน้ามัน Oily skin ถือเป็นสภาพผิวประเภทหนึ่งที่เกิดจากร่างกายผลิตน้ำมัน (Sebum) ออกมามากจนเกิดความจำเป็น จนทำให้น้ำมันดังกล่าวเคลือบอยู่บนผิวหน้าในปริมาณที่เยอะจนเกินไป จนนำไปสู่ปัญหาผิวเช่น เป็นสิวได้ในที่สุด
- ข้อดีของปัญหาหน้ามัน : ได้มีงานวิจัยออกมาว่าคนที่มีสภาพผิวมันนั้นจะทำให้มีโอกาสเกิดปัญหาผิวเหี่ยว มีริ้วรอยหรือผิวแก่ได้ช้ากว่าคนที่มีสภาพผิวแห้งนั่นเอง
- ข้อเสียของปัญหาหน้ามัน : เป็นสภาพผิวที่ดูแลยาก และง่ายต่อการเกิดสิวไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ ผิวหนองเป็นต้น
ซีบัมคืออะไร
ซีบัม (Sebum) หรือน้ำมันที่ถูกสร้างขึ้นมาจากต่อมไขมันในร่างกายแล้วถูกส่งออกมาผิวชั้นนอกทางรูขุมขน ซึ่งเป็นน้ำมันที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยรักษาสภาพผิวให้มีความชุ่มชื้นและช่วยเป็นเกราะป้องกันผิวเพื่อลดอาการระคายเคือง ซึ่งหากร่างกายสร้างซีบัมออกมามากเกินไปก็จะทำให้เกิดปัญหาหน้ามันและปัญหารูขุมขนกว้างได้
หน้ามัน เกิดจากอะไร ?
แน่นอนว่าก่อนที่เราจะรู้ถึงวิธีรักษานั้น เราควรจะทราบถึงต้นตอของปัญหาหน้ามัน หน้าเยิ้มกันก่อนว่าเกิดมาจากอะไร เพื่อที่เราจะได้หาวิธีที่รักษาได้อย่างตรงจุด ซึ่งสาเหตุหลักๆ มีดังนี้
ผิวหน้ามันจากปัจจัยภายใน
- กรรมพันธุ์ : ปัจจัยในเรื่องของสภาพผิวเองก็ถือเป็นปัญหาที่สามารถส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นผ่านทางกรรมพันธุ์ได้เช่นกัน ดังนั้นหากใครที่มีคนในครอบครัวมีสภาพผิวมัน ก็เท่ากับว่าเราเองก็มีสิทธิ์ที่จะมีสภาพผิวมันได้ด้วยเช่นกัน
- ช่วงอายุ : เพราะในช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศชายออกมามากซึ่งเป็นตัวการในการกระตุ้นทำให้ร่างกายผลิตน้ำมันออกมามากด้วยเช่นกัน แต่เมื่ออายุเริ่มเข้าสู่วัย 30 ร่างกายจะผลิตน้ำมันออกมาได้น้อยลงจึงทำให้จากมีผิวหน้ามันกลายเป็นผิวแห้งได้นั่นเอง
- หน้ามันจากปัญหาผิวขาดความชุ่มชื้น : เมื่อเรามีสภาพผิวที่แห้ง ขาดความชุ่มชื้นจะส่งผลทำให้ร่างกายของเราทำการผลิตน้ำมันหรือซีบัมออกมาในปริมาณส่งผลทำให้เกิดสภาพผิวมันขึ้นมานั่นเอง ซึ่งวิธีแก้ก็คือการทามอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงให้ชุ่มชื้นขึ้นหน้ามันก็จะลดลง
ผิวหน้ามันจากปัจจัยภายนอก
- สภาพอากาศ : อากาศเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ใครหลายคนต่างทราบกันดีแล้วว่ามีผลต่อสภาพผิวอย่างมากโดยเฉพาะในสภาพอากาศที่ร้อน อบอ้าว นั้นจะทำให้เรามีโอกาสเกิดหน้ามันได้ง่าย และมีโอกาสเกิดผิวแห้ง แตกลายได้ง่ายในช่วงหน้าหนาว
- การดูแลผิวที่มากเกินไป : การที่เราดูแลผิวมากเกินความจำเป็นก็ส่งผลทำให้ผิวของเราแย่ลงได้ เช่น การล้างหน้ามากกว่าวันละ 2 ครั้งต่อวัน การมาส์กหน้าเกินเวลาที่กำหนด รวมไปถึงการทาสกินแคร์บำรุงผิวพร้อมกันหลายๆ ตัวในคราวเดียวกัน
- การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวไม่เหมาะกับสภาพผิว : ถือเป็นอีกประเด็นสำคัญอย่างมาก เพราะแน่นอนว่าเมื่อเราเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวไม่ว่าจะเป็นครีม เซรั่มไม่ถูกกับสภาพผิวของเรานั้นผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอาจกลายเป็นตัวการในการทำลายผิวของเราได้เช่น
- คนผิวมัน : ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อบางเบา และมีส่วนผสมของทีทรีออยล์ หรือกรดซาลิซิลิก (BHA) ที่เป็นตัวช่วยในการช่วยลดความมันส่วนเกินที่ผิว แต่หากไปใช้พวกออยล์ก็จะยิ่งทำให้หน้ามันหนักกว่าเดิม
- ผิวแห้ง : ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิคที่จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและควรเลี่ยงที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพราะจะทำให้หน้าแห้งหนักกว่าเดิมได้
อาการที่มักมาร่วมกับปัญหาหน้ามัน หน้าเยิ้ม
ปัญหาหน้ามันนั้นไม่ได้จะส่งผลเสียแค่ในส่วนของความมั่นใจเท่านั้น แต่การมีสภาพผิวที่มันก็ย่อมเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาผิวหลายๆ อย่างได้ด้วย เช่น
- ทำให้ผิวมีสิว
แน่นอนว่าการมีน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้านั้นเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิวไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบ สิวอุดตัน หรือสิวหัวช้างก็ตาม ซึ่งสังเกตได้เลยว่าใครที่มีปัญหาผิวมันก็มักจะมีปัญหาสิวร่วมด้วยเช่นกัน - ทำให้ใบหน้าหมองคล้ำ
โดยคนที่มีปัญหาหน้ามันนั้นจะมีโอกาสการเกิดผิวหมองคล้ำได้ง่ายกว่าคนผิวอื่นๆ เนื่องจากเมื่อร่างกายผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมาที่ผิวแล้วจะทำให้สิ่งสกปรก มลภาวะต่างๆ เกาะติดผิวได้ง่ายมากขึ้น จึงทำให้ดูมีปัญหาผิวคล้ำตามมานั่นเอง - ทำให้เกิดรูขุมขนกว้าง
จริงที่ว่าเมื่อร่างกายผลิตน้ำมันออกมาก็มักจะออกมาทางรูขุมขนจึงเป็นเหตุทำให้มีรูขุมขนที่กว้างและชัดมากขึ้น เราสามารถสังเกตได้เลยว่าบริเวณที่มักเกิดรูขุมขนกว้างก็คือส่วนบริเวณ T-Zone ซึ่งเป็นจุดที่มีความมันมากกว่าส่วนอื่นๆ ด้วยเช่นกันดังนั้นการรักษาสภาพผิวให้ชุ่มชื้นก็ถือเป็นการช่วยปรับรูขุมขนให้กระชับตามไปด้วย - ทำให้แต่งหน้าไม่ติด
เพราะแน่นอนว่าเมื่อร่างกายผลิตน้ำมันออกมาเป็นจำนวนมากก็ส่งผลให้เหล่าเครื่องสำอางของเราหลุดออกไปตามด้วยเช่นกัน นั่นจึงเป็นเหตุให้เหล่าช่างแต่งหน้าบางคนเลือกใช้พวกไพรเมอร์หรือเซรั่มที่มีส่วนช่วยควบคุมความมันลงก่อนแต่งหน้า
หน้ามันหนักมาก แก้ไขยังไง? แก้ด้วยวิธีไหนได้บ้าง
หลังจากที่ทราบถึงสาเหตุและผลข้างเคียงที่ตามมาควบคู่กับปัญหาหน้ามันกันไปแล้ว ต่อไปเราขอแนะนำวิธีการดูแลผิวและการรักษาผิวมันกันบ้าง ดังนี้
1. การล้างหน้าให้สะอาด
เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของการขั้นตอนการเริ่มดูแลผิวเลยก็ว่าได้ เพราะแน่นอนว่าแต่ให้เราบำรุงผิวหรือหาแพทย์ผิวหนังมาดูแลดีแค่ไหน แต่ถ้าผิวหน้าไม่สะอาดก็ทำให้เกิดปัญหาผิวมากมายที่จะตามมา ดังนั้นควรทำความสะอาดผิวหน้าให้ดีด้วยการใช้คลีนซิ่งเช็ดเอาสิ่งสกปรกออกและล้างด้วยคลีนเซอร์ตามอีกหนึ่งสเต็ปเพื่อให้ความมันส่วนเกิดหลุดออก นอกจากนั้นคนที่มีปัญหาผิวมันก็ควรทำการสครับผิวอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้งเพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออกเพื่อให้ผิวพร้อมรับการบำรุงได้ดียิ่งขึ้น
2. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว
ข้อนี้สำคัญมากๆ โดยเฉพาะคนหน้ามันที่ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทออลย์อย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้หน้ามันมากยิ่งกว่าเดิม รวมไปถึงการใช้ครีมที่เนื้อหนักอีกด้วย ซึ่งควรเลือกครีมที่เนื้อบางเบาซึมไว และหากมีส่วนผสมของ กรดซาลิไซลิก, AHA, Niacinamide และ Zinc ด้วยจะดีมากๆ
แต่ข้อสำคัญคือต้องรู้ก่อนว่าผิวมันของเรานั้นเกิดจากอะไร เช่นถ้าเป็นคนสภาพผิวมันเพราะเกิดจากผิวขาดน้ำจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิวอย่าง กรดไฮยาลูรอนิค (HA) เนื่องจากสภาพผิวประเภทนี้จะเกิดมาจากการที่ผิวขาดความชุ่มชื้นจนไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกตินั่นเอง ดังนั้นหากมีผิวมันเนื่องจากผิวขาดน้ำจะต้องรักษาด้วยการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นนั่นเอง
3. ดื่มน้ำให้มากๆ ช่วยได้เยอะ
การดื่มน้ำเยอะๆ นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายแล้วยังเป็นประโยชน์ต่อผิวอีกด้วย โดยขอแนะนำคือการหมั่นจิบน้ำในระหว่างวันเพื่อให้ร่างกายสามารถเอาน้ำไปใช้ยังส่วนต่างๆ โดยเฉพาะนำไปช่วยบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นขึ้น
4. พักผ่อนให้เพียงพอ
เนื่องจากการอดนอนจะทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอในร่างกายได้ ทำให้เซลล์ผิวเกิดการเสื่อมสภาพลงจนเกิดการสูญเสียน้ำในเซลล์ผิวและนำไปสู่อาการผิวขาดน้ำ และแน่นอนว่าเมื่อเป็นเช่นนั้นร่างกายก็จะทำการผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นจนทำให้หน้ามันนั่นเอง
5. ฉีดมาเด้ คอลลาเจน (Made Collagen)
มาเด้ คอลลาเจนถือเป็นยี่ห้อเมโสยี่ห้อหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีส่วนช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนและในตัวยาประกอบไปด้วยวิตามินหลายชนิดที่มีความสำคัญต่อผิว นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำเหลืองให้ดียิ่งขึ้น
โดยการฉีดมาเด้คอลลาเจนนั้นจะเป็นการช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวได้อย่างล้ำลึก ทำให้ มีความแข็งแรงขึ้นผิวมีความชุ่มชื้นขึ้นส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมาได้น้อยลงจึงช่วยแก้ปัญหาผิวมันได้ดี พร้อมช่วยปรับสมดุลของผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอยและช่วยรักษาสิวให้หายไวยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยปรับผิวให้ดูอ่อนกว่าวัยได้อีกด้วย
7. ฉีดผิวชาแนล
เป็นหนึ่งในยี่ห้อสกินบูสเตอร์ชื่อดังจากประเทศเกาหลี เลยตัวยานั้นมีส่วนประกอบของวิตามินที่จำเป็นต่อผิว กลูตาไธโอน ไฮยารูรอนิก กรดอะมิโน สารต้านอนุมูลอิสระและอีกมากมาย ที่จะเข้าไปช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอิลาสติน
การฉีดผิวชาแนลนั้น จะทำให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้ดียิ่งขึ้น พร้อมช่วยปรับกระชับรูขุมขน ปรับผิวให้มีความสมดุล ช่วยลดปัญหาผิวหน้ามันหน้าแห้งและผิวขาดน้ำได้เป็นอย่างดี
8. ฉีดรีจูรัน แก้หน้ามันไม่ชุ่มชื้น
เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการฟื้นฟูผิวด้วยสารพอลินิวคลีโอไทด์ (Polynucleotide) ที่จะเข้าไปช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับมาสุขภาพดีและอ่อนเยาว์ มากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้เทคนิคการฉีดแบบให้เกิดตุ่มบนผิว ส่งผลให้เซลล์ผิวสามารถดูดซับเอาตัวยาไปใช้ได้ดีมากขึ้น
จุดเด่นของการฉีด รีจูรัน คือ ช่วยกระตุ้นให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ ช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ช่วยปรับกระชับรูขุมขน ช่วยปรับผิวให้มีความอ่อนเยาวสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ยังช่วยปรับสมดุลให้แก่ผิวช่วยลดโอกาสการเกิดสิวและริ้วรอยในอนาคต
7. ฉีด Crystal DNA
เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อเมโสชื่อดังจากประเทศอเมริกา ที่ในตัวยาจะมีส่วนประกอบของสาระสำคัญ 4 ตัวคือ Polynucleotide, Hyaluronic Acid, Niacinamide & Glutathione และ Growth Factors ที่จะใช้วิธีการฉีดตัวยาเข้าสู่ผิวด้วยเครื่อง VITAL INJECTOR3 (Meso Gun) ทำให้ตัวยาสามารถกระจายตัวในผิวได้ดี และช่วยลดอาการเลือดออกในระหว่างฉีดอีกด้วย
การฉีด Crystal DNA นั้นมีส่วนสำคัญในการช่วยปรับกระชับรูขุมขน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ช่วยรักษาสภาพผิวแห้ง ผิวมัน ผิวขาดน้ำได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยให้ผิวมีความกระชับเต่งตึงขึ้น และลดโอกาสเกิดสิว ริ้วรอยในอนาคตได้
8. ฉีดโบท็อก (Botox)
ฉีดโบท็อก (Botox) หรือ Botulinum toxin A เป็นตัวยาที่นิยมใช้ในการฉีดเพื่อปรับลดขนาดกล้ามเนื้อใบหน้าให้มีความเรียวเข้ารูปขึ้น โดยตัวโบท็อกนั้นเป็นโปรตีนสังเคราะห์ขึ้นจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีส่วนช่วยในการยับยั้งและรบกวนเส้นประสาทของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อดังกล่าวเกิดการหดตัวลง
ซึ่งการใช้โบท็อกซ์ในการรักษาหน้ามันนั่นจะเป็นการใช้เทคนิคในการฉีดตัวยาเข้าสู่ผิวหนังเพื่อให้ตัวยาไปยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ต่อมไขมันไม่สามารถผลิตน้ำมันส่วนเกินขึ้นมาได้นั่นเอง แต่วิธีนี้ไม่ใช่การรักษาแบบเห็นผลถาวร เพราะเมื่อใดที่ยาโบท็อกซ์เริ่มหมดฤทธิ์ ต่อมไขมันก็จะสามารถกลับมาทำงานและผลิตน้ำมันส่วนเกินได้เหมือนเดิม
9. Turbo bright
ถือเป็นนวัตกรรมการทำความสะอาดผิวรูปแบบใหม่ที่จะใช้การฉีดพ่นอณูละอองน้ำที่มีส่วนผสมของวิตามินและออกซิเจน ถือเป็นตัวช่วยในการทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก ทำให้สิ่งสกปรก ความมัน ฝุ่น PM 2.5 รวมไปถึงเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ขี้ไคลหลุดออกมาได้อย่างหมดจด
ซึ่งข้อดีของเทคโนโลยี Turbo Bright คือการช่วยทำความสะอาดรูขุมขน ช่วยลดโอกาสการเกิดสิวอักเสบ สิวอุดตัน ลดความมันบนใบหน้า ทำให้สามารถเผยผิวใหม่ที่พร้อมรับสารบำรุงได้ดีมากกว่าเดิม
10. การใช้กระดาษซับหน้ามัน
กระดาษซับหน้ามันนั้นถือเป็นไอเทมหนึ่งที่คนมีสภาพผิวมนควรพกติดกระเป๋าไว้ เพราะกระดาษซับหน้ามันจะช่วยดูดซับเอาความมันออกจากผิวได้อย่างเร่งด่วน และสามารถใช้ได้บ่อยครั้งแม้จะแต่งหน้าหรือซับเอาความมันออกในระหว่างวันก็ได้เช่นกัน
11. เลือกทานอาหารที่ดี
อาหารที่เราทานในแต่ละวันนั้นล้วนมีผลต่างร่างกายของเราอย่างมากดังนั้นการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างเช่น พวกผัก ผลไม้ กลุ่มเนื้อสัตว์ และโปรตีนต่างๆ และควรงดเว้นการทานของทอดของมัน ของหวาน หรือกลุ่มนมที่จะไปเร่งทำให้ร่างกายผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น
12. ใช้ยาแก้ปัญหาหน้ามัน
ซึ่งวิธีนี้จะมีทั้งแบบการทานและการทาแต่วิธีนี้จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เนื่องจากตัวยาจะมีผลข้างเคียงต่อร่างกาย เช่น ปากแห้งลอก และวิธีนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเหมาะกับคนที่มีปัญหาหน้ามันและมีสิวอักเสบที่ค่อนข้างเยอะ
หรือจะเลือกใช้กลุ่มตัวยาที่ช่วยลดความมันของผิวอย่างยากลุ่มเรตินอล ที่ในปัจจุบันมีในรูปแบบของสกินแคร์ดูแลผิวแล้วทำให้มีโอกาสที่ผิวจะระคายเคืองได้น้อยกว่าการใช้ในรูปแบบตัวยา แต่ทั้งนี้การใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวควรอยู่ภายใต้การดูแลของหมออย่างใกล้ชิด
13. เลี่ยงการออกแดด
เนื่องจากแสงแดดและอากาศที่ร้อนจะทำให้ร่างกายของเราทำการผลิตน้ำมันออกมาเยอะมากกว่าปกติ โดยเราสามารถสังเกตได้เลยว่าในช่วงหน้าร้อนมันหน้าของเราจะมันมากกว่าปกติ และในช่วงหน้าหนาวผิวของเราจะแห้งมากกว่าปกติด้วยเช่นกัน
14. การทานยาหรือวิตามินอาหารเสริม
วิธีนี้จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแก้ปัญหาผิวหน้ามันจากภายในด้วยการทานอาหารเสริมกลุ่มวิตามินต่างๆ อย่าง วิตามินเอ และวิตามินซี ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมโทรม ช่วยปรับเซลล์ผิวให้แข็งแรงและยังช่วยลดความมันบนใบหน้าได้
และกลุ่มวิตามินดี ที่หากร่างกายขาดวิตามินดีไปจะทำให้ร่างกายมีการผลิตน้ำมันออกมาที่ผิวมากยิ่งขึ้นทำให้เกิดปัญหาหน้ามันได้นั่นเอง
15. การใช้เครื่องสำอางที่เหมาะกับคนผิวมัน
การเลือกใช้เครื่องสำอางเองก็มีความสำคัญอย่างมาก เพราะคนหน้ามันจะทำให้ระหว่างวันผิวมีการผลิตน้ำมันออกมามากกว่าคนปกติ ทำให้เครื่องสำอางเกิดการหลุดหรือหน้าหยาได้ ดังนั้นจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์กลุ่มสูตรแมตต์ไม่ว่าจะเป็นไพรเมอร์ เบส รองพื้น รวมไปถึงกลุ่มบลัชออน อายแชโดว์ต่างๆ เพื่อให้เครื่องสำอางติดทนนาน
16. การมาส์กหน้าลดหน้ามัน
วิธีการมาส์กหน้าจะเป็นการช่วยบำรุงผิวอย่างเร่งด่วน เนื่องจากในตัวมาส์กมักจะอุดมไปด้วยสารต่างๆ มากมาย อาทิเช่น ไฮยาลูรอน (Hyaluronic acid) ที่เป็นสารสำคัญในการช่วยเติมน้ำให้ผิวอิ่มฟูขึ้น ซึ่งก็ช่วยทำให้ปัญหาหน้ามันลดลงเพราะเมื่อไหร่ที่ผิวมีความชุ่มชื้นร่างกายก็จะผลิตน้ำมันหรือซีบีมออกมาได้น้อยลงนั่นเอง
17. การใช้เครื่อง Thermage แก้หน้ามัน
เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีเครื่องยกกระชับผิวที่มีการใช้พลังงานคลื่นวิทยุ RF ซึ่งจุดเด่นของเครื่องนี้ก็คือการช่วยปรับยกกระชับผิว แก้ริ้วรอย ช่วยสลายไขมันส่วนเกิน พร้อมช่วยปรับกระชับรูขุมขนให้เล็กลงจนทำให้ปัญหาหน้ามันก็น้อยลงตามไปด้วย
18. ฉีดฟิลเลอร์งานผิว
ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ชั้นผิวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากกลุ่มฟิลเลอร์เหล่านี้จะมีขนาดโมเลกุลที่ละเอียดเล็ก ทำให้เด่นในเรื่องของการช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้เป็นอย่างดี และเมื่อผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้นปัญหาผิวหน้ามันก็จะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งตัวฟิลเลอร์งานผิวที่โด่งดังและเห็นผลได้ดีอย่างมากในตอนนี้ก็คือ Belotero Revive นั่นเอง
ผิวหน้ามันควรเลี่ยงอะไรบ้าง
สำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้ามันสิ่งหนึ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงก็คือน้ำมัน (Oil) ที่สามารถพบได้ทั้งในกลุ่มเครื่องสำอางและกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เนื่องจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะไปทำให้ผิวหน้าของเรามีความมันมากกว่าปกติ และยังส่งผลทำให้เกิดปัญหาอุดตันของรูขุมขนจนนำไปสู่การเกิดสิวได้ง่ายมากๆ อีกด้วย
หน้ามันแล้วมีกลิ่นเหม็นร่วมด้วยเกิดจากอะไร
ปัญหาหน้ามันร่วมกับมีกลิ่นเหม็นนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจากผิวหน้าที่มีความมันมากจะทำให้สิ่งสกปรก แบคทีเรียต่างๆ เกิดการสะสมได้ง่าย ซึ่งการสะสมดังกล่าวก็จะสามารถก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นขึ้นได้เช่นกัน ดังนั้นหากใครที่มีปัญหานี้อยู่แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษา
ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคนหน้ามัน
กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับคนที่มีสภาพผิวมันนั้นก็คือกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารอย่างเช่น Salicylic acid, และ Glycolic acid ที่จะมีส่วนช่วยในการลดความมันของผิวได้ดี เช่น
- Eucerin Pro ACNE SOLUTION A.I. MATT FLUID
- Laroche-Posay Effaclar Duo [+]
- DR. JART Cicapair Calming Gel Cream
- Kiehl’s Ultra Facial Oil Free Gel Cream
ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยควบคุมความมันส่วนเกินของผิวได้ดี ทั้งยังเหมาะกับคนที่มีปัญหาเป็นสิวง่ายและมีสภาพผิวที่แพ้ง่ายอีกด้วยเช่นกัน
วิธีดูแลตัวเองป้องกันไม่ให้หน้ามันเยิ้ม
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของออยล์
- หมั่นทาครีมบำรุงผิวให้ผิวมีความชุ่มชื้นขึ้นอย่างเป็นประจำ เพื่อลดโอกาสให้ต่อมไขมันทำการผลิตไขมันส่วนเกินออกมา
- ดื่มน้ำสะอาดในระหว่างมันให้มากๆ และพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมงขึ้นไป
- เลือกใช้เครื่องสำอางสูตรเนื้อแมตต์หรือสูตรช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า
- เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หลีกเลี่ยงของหวานของมันของทอด เพราะจะเป็นการกระตุ้นทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาได้มากกว่าปกติ
- หมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ครีมกันแดดช่วยปกป้องผิวจากแสง และมลภาวะต่างๆ
สรุป
สาเหตุของการเกิดหน้ามัน หน้าเยิ้ม เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยที่เข้ามาเป็นส่วนกระตุ้นทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามากกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็น สภาพอากาศร้อน การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง รวมไปถึงสาเหตุของกรรมพันธุ์ด้วยเช่นกัน
ซึ่งวิธีการรักษาปัญหาหน้ามันนั้นมีด้วยกันหลายวิธีทั้งการดูแลตัวเองด้วยทำความสะอาดผิวให้ดี การบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นสุขภาพดี หรือแม้แต่การใช้ทางการแพทย์ อย่างการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อหยุดการทำงานของต่อมไขมันหรือแม้แต่การฉีดเมโส, Skin Booster ยี่ห้อต่างๆ ที่จะเข้าไปมีส่วนช่วยควบคุมความมันของผิวเป็นต้น