ผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบาง เป็นอย่างไร? พร้อมแนะนำวิธีป้องกันและฟื้นฟูผิวให้แข็งแร็ง
ปัญหาผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่ายถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวที่ใครหลายๆ คนต่างพากันกังวลใจจนไม่กล้าที่จะใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือแม้แต่การแต่งหน้าเพราะกลัวการระคายเคืองของผิวที่มีโอกาสเกิดได้ง่ายกว่าปกติ ดังนั้นในบทความนี้หมอจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจกับปัญหาผิวแพ้ง่ายว่าเกิดจากอะไรและมีวิธีไหนที่สามารถเสริมผิวของเราให้แข็งแรงขึ้นได้บ้าง
ผิวแพ้ง่าย คืออะไร
ผิวแพ้ง่าย (Sensitive skin) คือสภาพผิวประเภทหนึ่งที่มีความไวต่อการถูกกระตุ้นจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่างๆ ภายนอกได้ง่าย เช่น ปัจจัยของสภาพอากาศ, เครื่องสำอาง, ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ซึ่งสภาพผิวประเภทนี้จะมีโอกาสการแพ้ระคายเคือง การเกิดผื่นแดง รวมถึงเกิดสิวได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่นๆ
ผิวแพ้ง่ายกับผิวบอบบาง เหมือนหรือต่างกันยังไง
จริงๆ แล้วคำว่าผิวแพ้ง่ายกับผิวบอบบางนั้นมีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งจะมีจุดต่างเพียงแค่เล็กน้อยนั่นก็คือ
- ผิวแพ้ง่าย คือสภาพผิวที่เป็นนานหรือบางคนเป็นมาตั้งแต่กำเนิดผ่านการส่งต่อทางพันธุกรรม ทำให้มีปฏิกิริยากับสารตัวไหนตัวหนึ่งที่ถึงแม้ว่าจะสัมผัสส่วนไหนของร่างกายก็จะเกิดการแพ้
- ผิวบอบบาง เป็นลักษณะผิวที่มีความบอบบางลงในช่วงใดช่วงหนึ่งทำให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองได้ง่าย แต่สภาพผิวบอบบางสามารถหายได้ไม่เหมือนกับผิวแพ้ง่ายแต่การแสดงอาการของทั้งผิวแพ้ง่ายและผิวบอบบางจะมีอาการคล้ายๆ กัน เช่น เป็นสิว ผื่น เป็นต้น
ผิวแพ้ง่าย เกิดจากอะไร
ปัญหาผิวแพ้ง่ายและผิวบอบบางนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยที่มาเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดอาการแพ้ระคายเคือง ซึ่งปัจจัยตัวดังกล่าวมีดังนี้
- กรรมพันธุ์
การแพ้สารต่างๆ นั้นถือเป็นสิ่งที่มีการส่งต่อกันทางพันธุกรรมเป็นแบบทอดๆ ได้รวมไปถึงปัญหาสภาพผิวแพ้ง่ายด้วยเช่นกัน - อาการผิวขาดน้ำ
ซึ่งโดยปกติแล้วผิวชั้นบนของเราจะทำหน้าที่ในการช่วยกักเก็บน้ำไว้ใต้ผิวเพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นซึ่งจะทำให้ช่วยป้องกันมลภาวะต่างๆ ไม่ให้มาทำร้ายผิวได้ ซึ่งหากผิวขาดความชุ่มชื้นจะทำให้การป้องกันดังกล่าวเสื่อมลงจนนำไปสู่อาการแพ้ระคายเคืองต่างๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น - ฝุ่น มลภาวะ PM2.5
ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเข้ามาทำร้ายเซลล์ผิวให้มีความอ่อนแอและทำให้เกราะป้องกันผิวมีความเสื่อมโทรมลงจนสามารถนำไปสู่อาการแพ้ระคายเคืองอย่างเป็นผื่น เป็นสิวขึ้นได้ - สภาพอากาศ
ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญอย่างมากต่อผิว เพราะอากาศที่ร้อนไปจะทำให้ร่างกายผลิตเหงื่อและน้ำมันออกมาเยอะขึ้นจนนำไปสู่สิวหรือผื่นจากการอุดตันของผิว หรือแม้แต่อากาศที่เย็นไปก็จะส่งผลทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นจนทำให้เกราะป้องกันผิวเสื่อมลงได้อีกเช่นกัน - การใช้ยาปฏิชีวนะ
การทานยาหรือใช้ยาปฏิชีวนะต่างๆ นั้นก็อาจส่งผลทำให้ผิวของเรามีความบอบบางและเซนซิทีฟได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน - การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว
ถือเป็นอีกปัจจัยที่หลายๆ คนต่างพากันมองข้ามเพราะแน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแต่ละตัวก็ได้มีการใส่สารส่วนผสมที่จะเข้ามาช่วยปรับสภาพผิวซึ่งหากมีการใช้ไม่ถูกกับสภาพผิวของเราก็จะส่งผลทำให้เกิดปัญหาผิวบอบบางเป็นสิว เป็นผื่นได้ง่าย เช่น คนมีปัญหาผิวแห้ง หากไปใช้ผลิตภัณฑ์ของคนผิวมันที่มีส่วนผสมของสารช่วยขจัดความมันส่วนเกินก็จะทำให้ผิวยิ่งแห้ง ทำให้เกราะป้องกันผิวยิ่งเสื่อมลงตามไปด้วย
จะรู้ได้ยังไงว่าผิวแพ้ง่าย มีอาการอะไรบ้าง?
หลังจากที่เราทรายถึงปัจจัยการเกิดสภาพผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบางกันไปแล้วต่อไปเรามาดูกันบ้างอาการแบบไหนกันบ้างนะที่บ่งบอกว่าเรามีสภาพผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบางอยู่
- เป็นสิวง่าย เช่น แค่สภาพอากาศเปลี่ยน หรือแม้แต่ไปเที่ยวต่างจังหวัดมีน้ำเปลี่ยนหรือเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ดูแลผิวก็ก่อให้เกิดสิวขึ้นได้แล้ว
- ผิวแห้งเป็นขุย โดยสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในสภาพอากาศหนาวเย็นหรือสภาพอากาศร้อนชื้นก็ตาม
- ผิวแดงง่าย ทั้งหลังการทาครีมบำรุงผิว หลังออกแดด หรือแม้แต่การเผชิญกับความร้อนต่างๆ
- มีอาการระคายเคืองผิว แสบ คันผิวง่าย เช่น การคันผิว การแสบผิว จากการทาครีมบำรุงหรือการอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนก็ตาม
วิธีดูแลผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่ายมีอะไรบ้าง
จริงแล้วปัญหาผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่ายนั้นไม่เรื่องใหญ่ที่น่ากังวลใจไปเลยหากรู้จักวิธีในการดูแลผิวก็สามารถช่วยกู้สภาพผิวให้กลับมาแข็งแรงขึ้นได้ ซึ่งวิธีต่างๆ มีดังนี้
1.ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิว
ซึ่งในปัจจุบันเรียกว่าได้มีผลิตภัณฑ์ในการบำรุงออกมามากมายโดยแต่ละตัวต่างก็ได้มีการใส่ส่วนผสมของสารต่างๆ เพื่อช่วยปรับสภาพผิวและบำรุงผิวให้เหมาะกับแต่สภาพผิว เช่น
- สภาพผิวแห้ง : เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ HA ที่จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้แก่ผิว เพื่อให้เกราะป้องกันผิวสามารถทำงานและช่วยป้องกันการถูกทำร้ายจากแสงและมลภาวะได้ดี
- สภาพผิวมัน : ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ กรดซาลิไซลิก (BHA) และ Niacinamide ที่มีส่วนช่วยในการควบคุมความมันส่วนเกิน และช่วยควบคุมการผลิตภัณฑ์น้ำมันส่วนเกินไม่ให้เยอะเกินไป
- สภาพผิวเป็นสิว : สำหรับใครที่มีปัญหาผิวเป็นสิวง่ายอย่างแรกเลยก็คือการตรวจสอบว่าสาเหตุของการเกิดสิวคืออะไร เช่น หากเป็นสิวเพราะผิวมันก็ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับคนสภาพผิวมัน แต่หากเป็นสิวเพราะผิวขาดน้ำก็ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับคนผิวแห้งเป็นต้น
- สภาพผิวบอบบาง แพ้ง่าย : ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Symsitive, Licochalcone A และ Dexpanthenol เป็นต้นเพื่อช่วยลดอาการระคายเคือง และช่วยเสริมเกาะป้องกันของผิวให้แข็งแรงมาก
2.งดเปลี่ยนครีมบำรุงผิวบ่อยๆ
เนื่องจากครีมบำรุงผิวแต่ละตัวต่างก็มีส่วนผสมที่แตกต่างกัน ซึ่งหากมีการเปลี่ยนครีมบำรุงผิวบ่อยๆ จะทำให้ผิวของเราเกิดการปรับตัวตามเนื้อสารในครีมไม่ทันจนทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย จนนำไปสู่ปัญหาผิวบอบบาง แพ้ง่ายได้ในที่สุด
3.หมั่นดูแลความสะอาดผิว
ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างมาก เพราะในแต่ละวันเราต่างเผชิญกับฝุ่นและมลภาวะมากมายที่จะคอยมาทำร้ายเซลล์ผิวของเรา ซึ่งการทำความสะอาดผิวจะทำจะช่วยล้างสิ่งสกปรกต่างๆ ออกแล้วช่วยปรับผิวให้พร้อมรับการสารบำรุง ซึ่งในการล้างหน้าที่ดีคือการล้างด้วยน้ำอุณหภูมิปกติและหากมีการแต่งหน้าก็ควรจะทำการเช็ดเครื่องสำอางออกก่อน
4.เสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น
ถือเป็นวิธีที่จะช่วยทำให้สภาพผิวมีความแข็งแรงขึ้น ทำให้ลดโอกาสการระคายเคืองต่างๆ ลดน้อยลงซึ่งวิธีการเสริมเกราะป้องกันที่แนะนำหลักๆ เลยก็คือการฉีดเมโสเทอราพียี่ห้อต่างๆ และการทาครีมเป็นต้น
- ทาครีมที่มีส่วนผสมของเซราไมด์
ซึ่งสารเซราไมด์ (Ceramide) ถือเป็นสารที่สามารถพบได้ในการผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั่วไป โดยจุดเด่นของสารตัวนี้คือการช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับเกราะชั้นผิวเพื่อป้องกันการถูกทำลายจากปัจจัยต่างๆ และยังช่วยลดริ้วรอยได้อีกด้วย
- ทามอยเจอร์ไรเซอร์เป็นประจำ
ผลิตภัณฑ์กลุ่มมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวนั้นมีความจำเป็นกับทุกสภาพผิวเป็นอย่างมาก เพราะผิวที่ชุ่มชื้นนั้นจะมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง ทำให้ช่วยลดอาการแพ้ระคายเคืองได้ดีกว่าสภาพผิวที่แห้งกร้านนั่นเอง
5. ทานวิตามินช่วยบำรุงผิว
การทาวิตามินหรืออาหารเสริมก็เป็นหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยฟื้นบำรุงผิวของเราได้ และเป็นวิธีที่หลายๆ คนเลือกทำควบคู่ไปกับการทาครีมและการเข้าคลินิกดูแลผิว โดยวิตามินที่สามารถช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรงขึ้นได้จะมี ดังนี้
- ไนอะซีนาไมด์ (Niacinamide)
- ซิงค์ (Zinc)
- วิตามินซี (Vitamin C)
- แอสตาแซนธิน (Astaxanthin)
- วิตามินบีรวม (Vitamin B Complex)
ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มวิตามินนั้นจะเป็นเพียงตัวช่วยในการบำรุงผิวเท่านั้นไม่ใช่การรักษา ดังนั้นก่อนทานจึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้ง
6. งดการสครับผิว
จริงอยู่ที่การสครับผิวจะเป็นวิธีที่ช่วยเรื่องของการผลัดเซลล์ผิวเก่าๆ ให้หลุดออกไป แต่วิธีนี้เองถือเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับคนที่มีสภาพผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่ายอย่างมากเพราะจะยิ่งไปทำให้ผิวเกิดความระคายเคืองจนนำไปสู่ปัญหาผิวอักเสบได้ง่ายกว่าเดิมนั่นเอง
ดังนั้นหากใครอยากจะที่ผลัดเซลล์ผิวแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่าง AHA และ BHA ในรูปแบบที่อ่อนโยนต่อผิวหรือใช้ในผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่ได้มีการทาทิ้งสารดังกล่าวไว้บนผิวนานๆ จะเหมาะสมกว่า
7. เลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพร้อมกันหลายๆ ตัว
ในยุคนี้การทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้นไม่ใช่แค่ในรูปแบบครีมอย่างเดียวแล้ว แต่ยังมีการแยกออกไปเป็นตัว เซรั่ม ออยล์ โทนเนอร์ น้ำตบต่างๆ มากมาย ซึ่งแน่นอนว่าในผลิตภัณฑ์แต่ละตัวต่างก็มีส่วนผสมที่ต่างกันโดยอาจก่อให้เกิดการตีกันจนทำให้ผิวระคายเคืองได้
ดังนั้นสำหรับคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายนั้นควรเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพร้อมกันหลายๆ ตัวอย่างมาก แต่ควรเน้นการทาแค่ตัวเพิ่มความชุ่มชื้นอย่าง มอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของ สารเซราไมด์ (Ceramide) หรือ ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันของผิว
8. เลี่ยงการแต่งหน้า
การแต่งหน้าเองก็ถือเป็นปัจจัยที่กระตุ้นทำให้เกิดการแพ้ระคายเคืองได้ รวมไปถึงการหมักหมมของสิ่งสกปรกจนทำให้ผิวเกิดสิวได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากในช่วงที่มีปัญหาผิวแพ้ง่ายแบบหนักมากๆ ควรเลี่ยงการแต่งหน้าและรักษาผิวให้แข็งแรงเสียก่อน
9. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
การทาครีมกันแดดนั้นถือเป็นอีกหนึ่งเกาะป้องกันผิวจากการถูกแสงแดด แสงไฟต่างๆ มาทำลายเซลล์ผิว ซึ่งการทาครีมกันแดดนั้นสำคัญมากๆ ต่อทุกสภาพผิวเลย โดยควรทาเป็นประจำทุกวันด้วยครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไปและควรเติมกันแดดในทุกๆ 4 ชั่วโมงเพื่อการป้องกันผิวที่ดียิ่งขึ้น
10. ทำหัตถการช่วยกู้ผิวให้แข็งแรง
การทำหัตถการดูแลผิวนั้นถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็วและช่วยตอบโจทย์ปัญหาผิวได้ดีมากๆ นอกจากนั้นในปัจจุบันยังมีหลายหัตถการให้เลือก ซึ่งคนไข้สามารถเข้าปรึกษากับหมอเพื่อทำการประเมินสภาพผิวและรับคำแนะนำสำหรับหัตถการที่เหมาะกับเราได้ ซึ่งหัตถการที่สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวแพ้ง่ายมีดังนี้
- ฉีดรีจูรัน
การฉีดรีจูรัน (Rejuran) เป็นหัตถการฉีดหน้าแบบเมโสเทอราพียี่ห้อหนึ่งที่มีจุดเด่นคือตัวยาเป็นสารพอลินิวคลีโอไทด์ (Polynucleotide) ที่สกัดมาจาก DNA ของปลาแซลมอนที่มีส่วนช่วยในการช่วยปรับเซลล์ผิวให้แข็งแรงขึ้น ทำให้ผิวมีความอ่อนเยาว์ ชุ่มชื้น ปรับผิวให้มีความเนียนกระจ่างใส ลดพวกรอยสิว รอยแผลเป็น แก้หลุมสิวได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่แพทย์หลายๆ คนต่างให้การแนะนำเพราะทำแล้วเห็นผลได้จริงและเห็นผลได้ไว
- ฉีดมาเด้คอลลาเจน
การฉีดมาเด้คอลลาเจน (Mede Collagen) ก็ถือเป็นอีกหนึ่งหัตถการเมโสเทอราพีที่มีจุดเด่นในเรื่องของการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ชั้นผิวมีความแข็งแรงขึ้น ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นยืดหยุ่นและกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย ซึ่งวิธีนี้จะใช้เทคนิคการฉีดมาเด้ 16 จุดทั่วใบหน้าเพื่อให้ตัวยาสามารถกระจายตัวได้ดีและเห็นผลได้ไวยิ่งขึ้น
- ฉีด Crystal DNA
จุดเด่นของวิธีนี้คือจะใช้เทคนิคการฉีดร่วมกับ Meso gun ทำให้สามารถส่งตัวยาที่ประกอบไปด้วยสารต่างๆ อย่าง Hyaluronic Acid ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว, Polynucleotide ช่วยกู้ผิวให้กลับมาแข็งแรง, Growth Factors ช่วยกระตุ้นในการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสติน และ Niacinamide & Glutathione ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไปทำให้เผยผิวใหม่ที่แข็งแรงกระจ่างใสมากยิ่งขึ้นทำให้สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำและเห็นได้ภายใน 3-4 วันหลังทำ
อ่านบทความเพิ่มเติม : Crystal DNA คืออะไร? ช่วยฟื้นฟูผิวเรื่องอะไร ใครบ้างควรทำ?
- ฉีด exosome
การฉีดเอ็กโซโซม (exosome) เป็นอีกหนึ่งวิธีในการช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวด้วยสารชีวโมเลกุลกว่า 1,000 ชนิดอาทิเช่น เปปไทด์, กรดอะมิโน, ไฮยาลูรอนิค เอซิดและ Growth Factors เป็นต้นซึ่งจะทำให้ผิวมีความอ่อนเยาว์ขึ้น ช่วยรักษารอยสิว หลุมสิว ลดอาการอักเสบ ลดการเกิดผื่น ช่วยรักษาอาการคัน แก้ผิวหนังอักเสบได้ดี โดยการในการฉีดเอ็กโซโซมนั้นจะสามารถเห็นผลได้ภายใน 3 วันและในการทำ 1 ครั้งสามารถอยู่ได้นาน 1 เดือน
- ฉีดชาแนล (L’ebss)
เป็นอีกหนึ่งเมโสจากเกาหลีที่เด่นในเรื่องของการปรับผิวให้มีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น ปรับเม็ดสีในชั้นผิวให้ผิวมีความกระจ่างใสขึ้น ช่วยกระชับรูขุมขนพร้อมช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และปรับผิวให้กลับมาแข็งแรง สุขภาพดีได้อย่างรวดเร็วภายใน 1 สัปดาห์และเห็นผลได้นานประมาณ 3-4 สัปดาห์
อ่านเพิ่มเติม : Chanel injection คืออะไร? เหมาะกับใคร ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าเรื่องอะไรบ้าง?
- ฉีดไซโตแคร์ (Cytocare)
เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์กลุ่มเมโสที่เน้นเรื่องการช่วยปรับผิวให้มีความกระจ่างใส ลดรอยดำ ฝ้า กระ พร้อมช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวให้เพิ่มขึ้น และช่วยปรับผิวให้มีความแข็งแรงขึ้น ปัญหาผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่ายจึงค่อย ๆ ลดลง จึงแนะนำให้ฉีดอย่างต่อเนื่องโดยเว้นระยะ 1-2 เดือนต่อครั้งเพื่อคงผลลัพธ์ให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น
ข้อห้ามสำหรับคนมีปัญหาผิวแพ้ง่าย
สำหรับผู้ที่มีปัญหาสภาพผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่ายจะมีข้อห้ามหลักๆ ในการดูแลผิวเลยก็คือไม่ควรควรเปลี่ยนสกินแคร์บ่อยๆ และควรเลี่ยงส่วนผสมที่จะส่งผลต่อการระคายเคืองของผิวได้ง่าย เช่น
- อ็อกซีเบนโซน (Oxybenzone) เป็นสารที่พบได้ในครีมกันแดด ซึ่งในบางผลิตภัณฑ์หากมีการใส่สารนี้จำนวนมากเกินไปจะทำให้เป็นอันตรายต่อผิวได้
- ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) ถือเป็นส่วนผสมที่มักจะซ่อนอยู่ในครีมเถื่อนที่มีความไม่ปลอดภัยต่อผิวและระบบทางเดินหายใจ
- พาราเบน (Paraben) หรือสารกันเสียที่จะใส่ไว้ป้องกันการบูดเสียของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งในกลุ่มคนผิวแพ้ง่ายนั้นสารตัวนี้จะทำให้เกิดอาการระคายเคือง เป็นผื่น หรือเป็นสิวได้ง่ายมากๆ
- น้ำหอม (Fragrance) ซึ่งเป็นส่วนผสมที่สามารถพบได้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั่วๆ ไป แต่แน่นอนว่าสำหรับคนที่มีสภาพผิวแพ้ง่ายนั้นจำเป็นต้องเลี่ยงเพราะจะเป็นตัวกระตุ้นทำให้ผิวเราระคายเคืองได้ง่ายกว่าปกติมากๆ
- แอลกอฮอล์ (Alcohol) เนื่องจากผสมนี้จะทำการดึงเอาความชุ่มชื้นออกจากผิวทำให้ผิวมีความแห้งตึง จนทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่ายมากๆ
- สารลดแรงผิว (Ethoxylated Agent) ถือเป็นสารที่มีส่วนช่วยในการทำความสะอาดผิว ที่จะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกิดซึ่งสารตัวนี้จะทำให้ผิวแพ้ง่ายเกิดการระคายเคืองเช่น ผิวแดงได้ง่าย
- ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) เป็นสารที่จะทำหน้าที่ในการยับยั้งเม็ดสีเมลานินแบบเฉียบพลันซึ่งพบได้ในกลุ่มครีมผิวขาว ที่มีความอันตรายมากเพราะนอกจากจะทำให้ผิวระคายเคืองแล้วยังก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย
สรุป
ปัญหาผิวบอบบางผิวแพ้ง่ายถือเป็นสภาพผิวที่ต้องการการใส่ใจในการดูแลเป็นพิเศษ เพราะเป็นสภาพผิวที่เสี่ยงต่อการระคายเคืองจากปัจจัยกระตุ้นต่างๆ เช่น อากาศและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะแสดงอาการออกมาในรูปแบบของผื่นแดง เป็นสิว ผิวแห้งลอกเป็นต้น โดยในปัจจุบันได้มีวิธีการรักษามากมายเช่น การทาครีมที่มีส่วนช่วยทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงขึ้นหรือการทำหัตถการฉีดหน้าที่จะช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวเซลล์ผิวและชั้นผิวต่างๆ ให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น