หน้าเป็นหลุมสิวเยอะมาก รักษายังไง? ให้ของเก่าหายไปและไม่ให้เกิดหลุมสิวใหม่
ใครที่มีปัญหาหน้าเป็นหลุมสิวเยอะมากๆ ผิวหน้าขรุขระไม่เรียบเนียนจนเหมือนดาวอังคาร บางคนจึงเลือกที่จะแต่งหน้า Makeup เพื่อปกปิดริ้วรอยต่างๆบนใบหน้า เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง บทความนี้เราเลยจะมาเปิดปัญหาและสาเหตุของหลุมสิวบนใบหน้าที่เยอะๆนั้นควรทำอย่างไรดี มีวิธีการรักษาอย่างตรงจุดเพื่อให้หนุ่มๆ สาวๆ ทุกคนได้มีผิวหน้าที่เนียนสวยใสพร้อมความมั่นใจแบบเต็มเปี่ยมกัน
หน้ามีหลุมสิวเยอะมาก เป็นเพราะอะไร?
หลุมสิว ถือเป็นแผลเป็นประเภทหนึ่งที่เกิดจากการยุบตัวของผิวหนังหลังจากที่สิวหายไป โดยสิวที่เป็นสาเหตุของการเกิดหลุมสิวก็จะเป็น สิวอักเสบ สิวหัวช้างหรือสิวอุดตันหัวปิด ซึ่งแบคทีเรียของสิวเหล่านี้จะไปทำลายผิวหนังของเราแล้วทำให้การสมานแผลไม่สมบูรณ์ ผิวหนังบริเวณนั้นจึงเกิดอาการยุบตัวลงไปเป็นหลุมสิวนั่นเอง
คุณมีลักษณะของหลุมสิวบนใบหน้าเป็นแบบไหน?
หลุมสิวแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ตามลักษณะและความยากง่ายของการรักษา
Rolling Scar
- ลักษณะหลุมสิว : เป็นหลุมสิวแบบตื้น มีลักษณะเป็นแอ่งเว้าลงไปคล้ายกับก้นกระทะ หลุมสิวประเภทนี้จะค่อนข้างตื้นกว่าแบบอื่น ฐานของแผลมีลักษณะนิ่ม ไม่แข็งตึง
- ขนาดของหลุมสิว : มีขนาดมากกว่า 4-5 มิลลิเมตร
- ระดับความยากง่ายของการรักษา : ง่าย
- บริเวณที่พบหลุมสิว : แก้มช่วงล่างถึงคาง และบริเวณขากรรไกร
Box Scar
- ลักษณะหลุมสิว : มีลักษณะคล้ายบ่อหรือกล่องสี่เหลี่ยม มีความกว้างของปากแผลและก้นแผลที่เท่ากัน หลุมสิวแบบนี้มีทั้งแบบตื้นและแบบลึก ด้านล่างของแผลจะมีลักษณะแข็งตึงของพังผืด
- ขนาดของหลุมสิว : มีขนาด 3-4 มิลลิเมตร
- ระดับความยากง่ายของการรักษา : ปานกลาง (ความรุนแรงในระดับที่สอง)
- บริเวณที่พบหลุมสิว : แก้มช่วงล่างถึงคาง และบริเวณขากรรไกร
Ice Pick Scars
- ลักษณะหลุมสิว : เป็นหลุมลึก ปากของหลุมแคบแต่ก้นแผลลึก มีลักษณะคล้ายกรวย
- ขนาดของหลุมสิว : ปากแผลมีขนาดน้อยกว่า 2 มิลลิเมตร
- ระดับความยากง่ายของการรักษา : ยาก
- บริเวณที่พบหลุมสิว : บริเวณโหนกแก้มหรือหน้าผาก รวมไปถึงบริเวณจมูก
สิวแบบไหนที่ทำให้เสี่ยงเป็นหลุมสิว
ประเภทสิวที่เป็นแล้วมักเสี่ยงต่อการเกิดหลุมสืวได้มากที่สุดก็คือ “สิวหัวช้าง” และ “สิวอักเสบ” ที่เกิดจากการอับเสบของต่อมไขมันในชั้นใต้ผิวหนัง มีเม็ดสิวขนาดใหญ่ทำให้แบคทีเรียทำลายเซลล์ได้เป็นวงกว้างทำให้เกิดการยุบตัวของเซลล์ผิวหนังกลายเป็นหลุมสิวได้ง่าย
คนที่เป็นหลุมสิวเยอะ ควรรักษายังไง?
การรักษาหลุมสิวนั่นมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน แต่ในบทความนี้เราจะขอมาพูดถึงการรักษาหลุมสิวด้วย 4 วิธียอดฮิต
ฟิลเลอร์หลุมสิว
การฉีดสาร Hyaluronic Acid เข้าไปเติมให้หลุมสิวตื้นขึ้น วิธีนี้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ นอกจากนั้นวิธีนี้ยังไม่มีรอยแผลเป็น และช่วยทำให้ผิวกระชับเต่งตึงขึ้นอีกด้วย แต่เป็นวิธีการรักษาหลุมสิวแบบไม่ถาวรเนื่องจากสารฟิลเลอร์เป็นสารที่สามารถสลายตัวในร่างกายได้โดยจะมีผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือนแล้วก็อาจกลับมาเป็นหลุมสิวได้ใหม่อีกรอบ ซึ่งคำแนะนำคือวิธีนี้ควรทำคู่กับการตัดพังผืดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น เนื่องจากการตัดพังผืดออกจากกันจะทำให้เกิดช่องว่างในผิวหนังแล้วใช้วิธีการฉีดสารฟิลเลอร์เข้าไปเพิ่มเติมเต็มช่องว่างนั้นแทน
การตัดพังผืดหลุมสิว หรือ Subcision
ใช้วิธีการใช้เข็มแบบพิเศษเข้าไปตัดพังผืดที่ยืดหลุมสิวออกจากกัน เพื่อให้ผิวส่วนนั้นเกิดเป็นช่องว่างขึ้นแล้วให้ร่างกายสร้างทำการเนื้อเยื่อและคอลลาเจนขึ้นมาทดแทนใหม่ให้หลุมสิวตื้นขึ้น
ใช้ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอหรือกรดวิตามินเอ
การใช้กรดมาทาที่บริเวณหลุมสิวเพื่อเป็นตัวกระตุ้นให้ผิวหนังชั้นนอกหลุดออกไป ให้เกิดผิวหนังใหม่ที่เรียบเนียน วิธีนี้เหมาะกับหลุมสิวแบบตื้นเท่านั้น และเป็นวิธีที่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังไม่ควรหาซื้อยามาใช้เอง เนื่องจากตัวยาเป็นกรดที่แรงอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองจนนำไปสู่การเกิดผิวไหม้และแผลคีลอยด์ได้ในอนาคต
เลเซอร์รักษาหลุมสิวด้วย Picoway
เป็นเครื่องเลเซอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองจาก U.S. FDA ว่าสามารถรักษาปัญหาหลุมสิวและรอยรอยแผลเป็น ฝ้า กระ จุดด่างดำได้อีกด้วย นอกจากนั้นตัวเครื่องยังสามารถส่งพลังงานเลเซอร์ลงไปยังชั้นผิวได้ลึกและแม่นยำกว่าเครื่องเลเซอร์แบบอื่นๆ ทำให้มีความเจ็บระหว่างทำน้อยลง และมีผลค้างเขียงที่น้อยลงอีกด้วย
หลักการทำงานของเครื่องการยิงเลเซอร์เข้าไปที่ผิวหนัง โดยพลังงานเลเซอร์จะเข้าไปทำลายเม็ดสีเมลานินใต้ผิวให้สลายไปและยังไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและเรียบเนียนมากขึ้น ซึ่ง Picoway Laser สามารถรักษาหลุมสิวได้ทั้ง 3 ประเภท Picoway Laser สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยผู้ทำไม่ต้องพักฟื้นแต่อาจมีข้อห้ามและการดูแลผิวหลังทำเพียงเล็กน้อย
การดูแลตัวเองหลังทำ Picoway Laser
ตามหลักการแพทย์แล้วผิวหลังทำเลเซอร์ถือเป็นช่วงที่ผิวควรได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดเนื่องจากเป็นช่วงที่ผิวจะบอบบางและอ่อนแอมากที่สุด ซึ่งหากดูแลผิวช่วงนั้นไม่ดีพออาจก่อให้เกิดปัญหาผิวมากมายตามได้
- หลีกเลี่ยงการออกแดดควรหลีกเลี่ยงการออกแดดจัดในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรกหลังทำ เพราะเป็นช่วงที่ผิวบอบบางไวต่อแสงได้ง่าย รวมไปถึงพวกแสงสีฟ้าจากโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์อีกด้วย
- ในบางรายอาจมีอาการเจ็บ แสบหรือบวมหลังทำเลเซอร์ไม่แนะนำให้ประคบน้ำแข็งเองหากไม่ได้รับการอนุญาตจากแพทย์ผู้รักษา
- ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทั้งวันที่ออกแดด และไม่ได้ออกแดด ควรเลือกใช้ครีมกันแดดสูตรอ่อนโยนที่มี SPF 50 ขึ้นไป
- งดล้างหน้าหลังทำเลเซอร์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง และเมื่อครบแล้วสามารถล้างหน้าได้ด้วยผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน
- ใน 1-2 วันแรกงดทาครีมบำรุงไปก่อน เพื่อป้องกันอาการระคายเคือง
- หลังทำในบางรายอาจเกิดแผลสะเก็ดขึ้นได้ ไม่ควรแกะบีบ เพราะอาจทิ้งเกิดรอยแผลเป็นขึ้นได้
- งดสครับผิวใน 2-3 สัปดาห์หลังทำเลเซอร์ เพราะก่อให้เกิดการระคายเคืองได้เนื่องจากการสครับถือเป็นการขัดและรบกวนผิวหน้า
- หลังทำเลเซอร์ใน 3-4 สัปดาห์แรกควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสูตรอ่อนโยนที่ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคือง และควรงดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิวอย่าง AHA, BHA
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้เข้าสู่กระบวนการซ่อมแซมผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงเวลาที่นอนหลับ
- ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่นหากมีการจ่ายยาก็ควรใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง หรือหากมีการระคายเคือง เช่น ผืน รอยแดงหลังทำแล้วไม่หายภายใน 2-3 ให้รีบพบแพทย์ทันที
การดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดหลุมสิวใหม่
หากจะให้พูดถึงการดูแลตัวเองไม่ให้เกิดหลุมสิวใหม่ก็จะเป็นการดูแลตัวเองไม่ให้เป็นสิวจึงจะดีที่ดีสุด เช่น
- การล้างหน้าให้สะอาด โดยล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนเป็นประจำเช้า-เย็น
- การพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้เข้าสู่กระบวนการซ่อมแซมและดูแลผิวช่วงนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การงดดื่มหรือทานอาหารที่ทำให้เกิดสิวเช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของทอดของมัน ของหวานแต่ควรเอกทานผักผลไม้ที่มีประโยชน์ และดื่มน้ำให้มากๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้วต่อวัน
- การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะกับสภาพผิว หากเป็นสิวควรเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำหอมจึงจะดีที่สุด
- หากเป็นสิวห้ามแกะ เกาหรือบีบเค้นเม็ดสิวเองเด็ดขาด
สรุปแนวทางการรักษา
การรักษาหลุมสิวนั้นก็มีอยู่หลากหลายวิธีด้วยกัน แต่แน่นอนว่าการป้องกันไม่ให้เกิดหลุมสิวนั้นย่อมง่ายกว่าการมานั่งรักษาทีหลัง ดังนั้นทางที่ดีหนุ่มๆ สาวๆ ทั้งหลายควรที่จะหยุดพฤติกรรมแกะ เกา กดหรือบีบสิวเองจึงจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้สิวหายไวแล้ว พฤติกรรมดังกล่าวยังส่งผลให้เกิดรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวตามมากวนใจทีหลังอีกด้วยล่ะ