ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี มีรุ่นอะไรบ้าง เลือกยังไงให้ได้ผลและเป็นธรรมชาติ
ปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์ตามีให้เลือกหลายยี่ห้อ หลายรุ่น แต่ละรุ่นก็มีข้อดี จุดเด่นและถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเติมเต็มและแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน วันนี้เราจะพามาดูว่าฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้อกันว่ายี่ห้อไหนบ้างที่เหมาะกับการใช้ฉีดใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติต่างกันอย่างไร?
ในปัจจุบันยี่ห้อสำหรับฟิลเลอร์ฉีดใต้ตาในไทยนั้นมีให้เลือกอยู่มากมายหลายยี่ห้อด้วยกัน ซึ่งแต่ละยี่ห้อต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
1. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Restylane
เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน อยู่ได้นาน 12 – 18 เดือน ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane มีเนื้อฟิลเลอร์เม็ดละเอียด (particle) ทำให้ฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว สามารถปรับรูปทรงได้หลากหลายเหมาะสำหรับการฉีดใต้ตาเพื่อทำดอลลี่อาย ที่กังนัมคลินิก มี 2 รุ่นด้วยกัน คือ
- รุ่น Restylane lidocaine อยู่ได้นาน 12 เดือน
- รุ่น Restylane Perlane อยู่ได้นาน 18เดือน
2. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Juvederm
เป็นฟิลเลอร์ของประเทศอเมริกา บางคนอาจเรียกว่า ฟิลเลอร์เมกา คุณสมบัติของฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm จะสามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-18 เดือน ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm มีเนื้อฟิลเลอร์ที่มีจำนวนพันธมาก อยู่ได้นานสลายช้า อุ้มน้ำน้อยลง ทำให้ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน เหมาะกับผิวบริเวณที่ขยับบ่อยๆ กังนัมคลินิก มี 3 รุ่นด้วยกัน คือ
- รุ่น Juvederm Ultra (Allergan) อยู่ได้นาน 12 เดือน
- รุ่น Juvederm Voluma (Allergan) อยู่ได้นาน 18 เดือน
- รุ่น Juvederm Vobella (Allergan) อยู่ได้นาน 12 เดือน
3. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Belotero
ยี่ห้อ Belotero เนื้อฟิลเลอร์มีความละเอียดและยืดหยุ่นคงตัว เหมาะกับเติมใต้ตาชั้นลึก และเก็บรายละเอียดริ้วรอยใต้ตา มีด้วยกัน 2 รุ่นคือ
- รุ่น Belotero volume อยู่ได้นาน 18 เดือน
- รุ่น Belotero soft อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
4. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ E.P.T.Q FILLER
ยี่ห้อ E.P.T.Q FILLER เป็นฟิลเลอร์ตัวใหม่จากเกาหลีมีโมเลกุลเบา ทำให้มีเนื้อที่ละเอียดมาก และมีความนิ่ม มีความยืดหยุ่นที่ดี จึงสามารถช่วยเติมเต็มริ้วรอยต่างๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติและเนียนกลืนไปกับผิว มีด้วยกัน 3 รุ่น โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดใต้ตาคือ รุ่น S100 เป็นรุ่นที่มีเนื้อเบาบางที่สุด
- รุ่น E.P.T.Q S100 อยู่ได้นาน 6 เดือน
- รุ่น E.P.T.Q S300 อยู่ได้นาน 9 เดือน
- รุ่น E.P.T.Q S500 อยู่ได้นาน 12 เดือน
5. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Yvoire
เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลีใต้ที่กำลังได้รับความสนใจมากในปัจจุบัน มีการผลิตด้วยเทคโนโลยี HICE Cross-link (HIgh Concentration Equalized Cross-link) ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความละเอียดและมีโมเลกุลเล็ก สามารถคงสภาพได้นาน 6-18 เดือน มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นคือ
- รุ่น Yvoire Classic plus อยู่ได้นาน 6 – 9 เดือน
- รุ่น Yvoire Volume Plus อยู่ได้นาน 9 – 12 เดือน
- รุ่น Yvoire Contour อยู่ได้นาน 12 – 18 เดือน
6. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Flore
เป็นฟิลเลอร์สัญชาติเกาหลีตัวใหม่ที่มีความปลอดภัยสูง มีเทคโนโลยีในการผลิตด้วยกันถึง 2 เทคโนโลยีได้แก่ เทคโนโลยี HCCL™ (Highly Completed Cross-Linking) และ PP-Process (Particle Plastic Process) จึงทำให้โมเลกุลของฟิลเลอร์มีขนาดเท่ากัน ฉีดง่ายและคงสภาพได้ดี สำหรับรุ่นที่เหมาะสำหรับฉีดใต้ตามีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่
- รุ่น Flore Aqua-S อยู่ได้นาน 6 เดือน
- รุ่น Flore Flore S อยู่ได้นาน 6 – 8 เดือน
- รุ่น Flore Flore N อยู่ได้นาน 6 – 12 เดือน
7. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Difiniesse
เป็นฟิลเลอร์จากประเทศอิตาลี ที่มีการใช้ XTR™ Technology ในการผลิตทำให้ตัวเนื้อฟิลเลอร์มีลักษณะเป็นร่างแหจึงเด่นในเรื่องของการช่วยพยุงผิวได้ดี และรุ่นที่เหมาะกับการใช้ฉีดใต้ตาได้แก่
- รุ่น Definisse Touch อยู่ได้นาน 8 – 12 เดือน
8. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Biohyalux
เป็นยี่ห้อฟิลเลอร์จากประเทศจีน ที่มีการใช้ เทคโนโลยี BioBT Technology ในการเข้ามาผลิตทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น ฉีดแล้วช่วยลดโอกาสบวมได้ดี และรุ่นที่เหมาะกับการใช้ฉีดใต้ตาได้แก่
- รุ่น Biohyalux Fine LineTouch อยู่ได้นาน 8 – 12 เดือน
9. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Hyabell
เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเยอรมัน ที่มีการใช้ MPT Technology ในการผลิตทำให้ตัวเนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นได้ดี และมีความปลอดภัยสูง และรุ่นที่เหมาะกับการใช้ฉีดใต้ตาได้แก่
- รุ่น Hyabell Basic อยู่ได้นาน 6 – 9 เดือน
10. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Art
ฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้มาจากประเทศฝรั่งเศส ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการผลิตโดย TRI-HYAL Innovation ส่งผลทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดกยุ่น ฉีดแล้วให้ผลที่เป็นธรรมชาติเรียบเนียนไปกับผิว ปัจจุบันมีทั้งหมด 5 รุ่น แต่รุ่นที่เหมาะกับการใช้ฉีดใต้ตาได้แก่
- รุ่น Art Fine lines อยู่ได้นาน 12 เดือน
11. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Teoxane
เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ที่มีการใช้เทคโนโลยี Preserved Network Technology (PNT) ในการผลิตทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความบริสุทธิ์และยืดหยุ่นสูง ปัจจุบันมีทั้งหมด 6 รุ่น ซึ่งรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดใต้ตาคือ
- รุ่น Teoxane RHA 1 อยู่ได้นาน 12 เดือน
12. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Neuramis
Neuramis เป็นฟิลเลอร์สัญชาติเกาหลีที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื้อฟิลเลอร์มีโมเลกุลละเอียด ปลอดภัย กลืนกับผิวได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง มีความบริสุทธิ์ใกล้เคียงกับสารที่ร่างกายมนุษย์ และมีส่วนผสมของยาชา สามารถอยู่ได้นาน 6-24 เดือน โดยรุ่นที่หมอแนะนำสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ได้แก่
- รุ่น Neuramis Deep อยู่ได้นาน 6 – 8 เดือน
- รุ่น Neuramis Deep Lidocaine อยู่ได้นาน 6 – 8 เดือน
- รุ่น Neuramis Volume Lidocaine อยู่ได้นาน 12 – 24 เดือน
13. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Neauvia
ฟิลเลอร์ Neauvia จากประเทศอิตาลี เป็นยี่ห้อที่มีการใช้เทคโนโลยี SMART XROSS LINK Technology (SXT) ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีจุดเด่นในเรื่องของการทนความร้อนและยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวให้เพิ่มมากขึ้นได้เป็นอย่างดี และรุ่นที่เหมาะกับการฉีดใต้ตาคือ
- รุ่น Neauvia STIMULATE อยู่ได้นาน 12 เดือน
14. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Revolax
เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อฟิลเลอร์จากเกาหลี เนื้อฟิลเลอร์จะเด่นในเรื่องของความยืดหยุ่น คงตัวเพราะมีการใช้เทคโนโลยี HEXALink ในการผลิต และรุ่นที่เหมาะกับการฉีดใต้ตาคือ
- รุ่น Revolax Fine อยู่ได้นาน 9 – 12 เดือน
15. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Volifil
อีกหนึ่งยี่ห้อจากประเทศเกาหลี ที่มีการเลือกใช้เทคโนโลยี HCCL™ TECHNOLOGY ส่งผลทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัวสูง ฉีดแล้วปั้นทรงสวยอย่างเป็นธรรมชาติปัจจุบันมีด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นแต่รุ่นที่เหมาะกับการฉีดใต้ตาคือ
- รุ่น Volifil CLASSIC อยู่ได้นาน 9 – 12 เดือน
16. ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อ Hyafilia
ฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้ก็มาจากประเทศเกาหลีอีกเช่นกัน แต่ต่างกันตรงที่เลือกใช้ ART Technology ในการเข้ามาผลิตทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัว คงทนและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก และรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดใต้ตาคือ
- รุ่น Hyafilia – S อยู่ได้นาน 6 – 9 เดือน
ฟิลเลอร์ใต้ตาราคาถูก-แพง ต่างกันอย่างไร?
เหตุผลที่ทำให้ฟิลเลอร์ใต้ตาราคาถูก-แพงต่างกันมีหลายปัจจัยด้วยกันค่ะ ถ้าเทียบกันระหว่างฟิลเลอร์แท้ปัจจัยที่ทำให้ฟิลเลอร์ใต้ตาราคาถูก-แพงต่างกันคือ ยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ รวมถึงปริมาณที่ใช้ค่ะ แต่ถ้าเปรียบเทียบระหว่างฟิลเลอร์แท้และฟิลเลอร์ปลอมสิ่งที่ทำให้ฟิลเลอร์ราคาถูก-แพงต่างกัน คือ คุณภาพของฟิลเลอร์ค่ะ ส่วนใหญ่ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับรองตามมาตรฐาน อย. มักมีราคาแพงกว่า
เนื่องจากคุณภาพและต้นทุนการผลิตที่บริษัทยาผู้ผลิตใช้เวลาในการวิจัยและพัฒนา ซึ่งส่วนมากราคาจะอยู่ที่ 8,000 – 10,000 บาทค่ะ ส่วนฟิลเลอร์ที่มีราคาถูกกว่านั้น หรือถูกเกินไปอยู่ที่ราคา 3,000 – 6,000 บาท มีความเสี่ยงที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอมซึ่งคือสารกึ่งซิลิโคนที่ถูกสร้างขึ้น เมื่อเอามาฉีดเข้าร่างกายมนุษย์จะไม่สามารถสลายหรือไม่กำจัดไปได้และอาจจะก่อให้เกิดอันตรายเช่น เกิดการบวม อักเสบ อุดตันเส้นเลือดไปจนถึงขั้นส่งผลต่อการมองเห็นได้
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนบ้างที่ปลอดภัย
ในส่วนยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ฉีดแล้วปลอดภัยนั้นจะต้องเป็นยี่ห้อที่ผ่านการรับรองความปลอดภัยจากอย. ไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทั้ง 16 ยี่ห้อฟิลเลอร์ด้านบนนั้นถือว่าผ่านการรับรองจากอย.ไทยแล้วจึงมีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ทั้งนี้ก็ต้องฉีดด้วยฟิลเลอร์ของแท้และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง
วิธีแยกฟิลเลอร์ใต้ตาของแท้และปลอม
ข้อควรพิจารณาในการแยกฟิลเลอร์แท้และฟิลเลอร์ปลอมมีดังนี้
ราคาที่เหมาะสม
ราคา โดยปกติราคาฟิลเลอร์แท้จะอยู่ที่ราวๆ 10,000 บาท ถ้าพบฟิลเลอร์ที่ราคาถูกเกินไปโดยเฉพาะหลักพันต้นๆ เช่น 3,000-6,000 บาท ให้สงสัยไปก่อนเลยว่าอาจจะเป็นฟิลเลอร์ปลอมค่ะ
ข้อมูลของฟิลเลอร์
ฉลากภาษาไทย ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองโดย อย.ประเทศไทยจะมีฉลากภาษาไทยบอกรายละเอียดของฟิลเลอร์อย่างชัดเจน ทั้งเลขทะเบียน อย. วันที่ผลิต วันหมดอายุ ราคา โดยชนิดฟิลเลอร์ที่ อย.ประเทศไทยให้การยอมรับในปัจจุบันนั้นมีมากกว่า 20 ยี่ห้อ เช่น Juvederm, Restylane, Neuramis, Belotero, Revanesse Ultra, Perfectha และ Yviore เป็นต้น
มาตรฐานความปลอดภัย
ฟิลเลอร์แท้จะได้รับมาตรฐานความปลอดภัยจากแหล่งผลิตเช่น ฟิลเลอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกาจะต้องได้รับมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์กรอาหารและยา หรือ FDA ส่วนฟิลเลอร์ที่มาจากสวีเดนจะต้องได้รับมาตราฐานความปลอดภัยจากยุโรป เป็นต้น
เลขล็อตสินค้า
ฟิลเลอร์แท้จะต้องมีเลขล็อตสินค้า (lot number) ติดที่กล่องชัดเจน และระบุบริษัทนำเข้าฟิลเลอร์อย่างชัดเจน
แหล่งจำหน่าย/ให้บริการฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัยจะต้องซื้อโดยสถานบริการที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข และใช้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีใบประกอบโรคศิลป์ โดยคำแนะนำคือสาวๆไม่ควรหาซื้อฟิลเลอร์ผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตแม้บรรจุภัณฑ์ของฟิลเลอร์ที่ขายผ่านอินเทอร์เน็ตจะมีความเหมือนฟิลเลอร์จริงสูงมากแต่ให้คิดไปได้ก่อนเลยว่าฟิลเลอร์เหล่านั้นอาจจะเป็นฟิลเลอร์ปลอมเพราะฟิลเลอร์ของแท้จะไม่มีวางขายตามอินเทอร์เน็ตอย่างแน่นอน รวมถึงไม่ควรเลือกรับบริการฉีดฟิลเลอร์จากหมอกระเป๋าเพราะนอกจะเสี่ยงโดนฉีดด้วยฟิลเลอร์ปลอม และยังเสี่ยงต่อการที่หมออาจจะเป็นหมอปลอมด้วย
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาปลอม
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาปลอม อาจจะทำให้เกิดฟิลเลอร์เน่า ไหลย้อย ผิดทิศทาง อักเสบติดเชื้อ บวมเป็นก้อน หรืออันตรายถึงขั้นตาบอดได้ นอกจากนั้นฟิลเลอร์ใต้ตาปลอมไม่สามารถฉีดสลายได้ต้องทำการผ่าตัดขูดออกเท่านั้นและอาจเสี่ยงต่อการเกิดพังผืดใต้ผิวหนังได้อีกด้วย
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่กังนัมคลนิก
- กังนัมคลินิกมีหลากหลายสาขาให้เลือกคนไข้สามารถเลือกเข้ารับบริการตามความสะดวก
- กังนัมคลินิกให้บริการแบบมืออาชีพ พนักงานทุกคนได้รับการเทรนอย่างสม่ำเสมอ
- กังนัมเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ที่มีมาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก FDA ประเทศสหรัฐอเมริกา และอย. ประเทศไทย
- แพทย์ผู้ทำหัตถการที่กังนัมคลินิกมีความชำนาญ ผ่านการฉีดฟิลเลอร์มาหลายเคสและมีเทคนิคเฉพาะตัวในการฉีด
- ที่กังนัมคลินิกคนไข้สามารถนัดปรึกษาก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์ และมีแพทย์ติดตามอาการหลังทำการฉีดอย่างใกล้ชิด
- ที่กังนัมคลินิกมีเคสรีวิวการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจากคนไข้จริง
ที่กังนัมคลินิกเลือกใช้ยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ที่ได้รับการแนะนำว่าเหมาะกับการฉีดใต้ตา ดังนี้
- ยี่ห้อ Restylane ราคาเริ่มต้น 1cc = 8,623-12,000 บาท
- ยี่ห้อ Juvederm ราคาเริ่มต้น 1cc = 10,693-15,000 บาท
- ยี่ห้อ Belotero ราคาเริ่มต้น 1cc = 7,896-12,000 บาท
- ยี่ห้อ Neuramis ราคาเริ่มต้น 1cc = เริ่มต้น 1,999 บาท
สรุป
การเลือกสถานที่ให้บริการเพื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีข้อควรพิจารณาหลากหลายข้อด้วยกันโดยเฉพาะ ความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ทำหัตถการซึ่งกังนัมคลินิกของเรามีแพทย์ที่ผ่านการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาหลายพันเคสมั่นใจได้ว่าออกมาสวยปลอดภัยได้เลยค่ะ หากใครสนใจอยากสอบถามข้อมูลและราคาค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ Line : @gangnamclinic