รู้จักประโยชน์ของมาร์คใต้ตา ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ต้องทำบ่อยแค่ไหน?
อีกหนึ่งไอเทมยอดฮิตที่เชื่อว่าหนุ่มๆ สาวๆ ที่รักสวยรักงามจะต้องรู้จักกันอย่างแน่นอนนั้นก็คือ “มาร์คใต้ตา” ที่ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการบำรุงผิวบริเวณใต้ตาดวงตาได้ดีมากๆ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกถึงประโยชน์และความสำคัญของมาร์คใต้ตากันว่าจะมีอะไรบ้าง
การมาร์คใต้ตา คืออะไร
มาร์คใต้ตาหรืออายมาร์ค (Eyes Mask) คือผลิตภัณฑ์ตัวช่วยในการบำรุงผิวส่วนใต้ตาให้มีความชุ่มชื้นขึ้น ปรับผิวให้กระจ่างใสขึ้น จึงลดปัญหาปัญหาใต้ตาดำคล้ำ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยรอบดวงตาในอนาคตได้เป็นอย่างดี ด้วยการอัดแน่นไปด้วยสารส่วนผสมสำคัญหลาย ๆ ตัวที่จำเป็นต่อผิวรอบดวงตานั่นเอง จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ช่วยกอบกู้ผิวใต้ดวงตาได้อย่างครอบคลุมเลยทีเดียว
ปัญหาผิวใต้ตาที่มักพบได้มีอะไรบ้าง
อย่างที่ใครหลายๆ คนต่างทราบกันดีว่ามาร์คใต้ตาช่วยกู้ปัญหาผิวใต้ตาได้มากมายหลายอย่าง ดังนั้นเรามาดูกันก่อนว่าปัญหาผิวใต้ตาหลักๆ นั้นมีอะไรบ้าง
- ริ้วรอยใต้ตา
ถือเป็นปัญหาที่สามารถพบได้ในช่วงที่อายุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีสาเหตุหลักๆ มาจากการเสื่อมโทรมของคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวเนื่องจากเมื่อเราก้าวสู่วัย 25 ปีขึ้นไปร่างกายจะผลิตออกมาได้น้อยลงเรื่องๆ ทุกที
จนทำให้ผิวเกิดการยุบตัวเกิดเป็นริ้วรอย ร่องลึกขึ้น - ใต้ตาดำคล้ำ
เป็นอีกหนึ่งปัญหาใต้ตาที่สามารถพบได้มากและพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย โดยมีสาเหตุมาจากหลายๆ อย่างเช่น การนอนดึก การขยี้ตาบ่อยๆ การถูกแสงแดดทำลาย การส่งต่อทางกรรมพันธุ์หรือแม้แต่การเกิดจากปัญหาสุขภาพอย่างโรคภูมิแพ้เป็นต้น - ใต้ตาบวม
ปัญหานี้เกิดขึ้นได้จากถุงใต้ตาที่มีการบวมขึ้น ทั้งเกิดจากการพักผ่อนน้อย การร้องไห้ รวมไปถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ผิวใต้ตาเกิดการยุบตัวจนเห็นถึงใต้ตาชัดขึ้นมากกว่าปกตินั่นเอง - ตาโหล เบ้าตาลึก
ปัญหานี้เกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณเบ้าตาหรือการเสื่อมโทรมของคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวจนทำให้ดวงตาดูหยุบลึกเข้าไป ซึ่งมักเป็นร่วมกับปัญหาใต้ตาหมองลคล้ำอีกด้วย
มาร์คใต้ตา ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น : บอกลาปัญหาใต้ตาแห้งสาเหตุของการแต่งหน้าแล้วตกร่อง พร้อมปรับผิวใต้ตาให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
- ช่วยลดรอยหมองคล้ำ : ปรับผิวใต้ตาให้มีความกระจ่างใสขึ้น แก้ปัญหาใต้ตาตำคล้ำ ใต้ตาหมีแพนด้าได้
- ลดความอ่อนล้าของผิวใต้ดวงตา : ทำให้ผิวใต้ตาสดชื้นขึ้นจากการมองแสงจากจอมือถือ แสงแดด ช่วยเพิ่มความผ่อนคลายได้ดี
- ช่วยป้องกันริ้วรอย ร่องลึก : เมื่อผิวมีความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นขึ้นจะทำให้ช่วยลดชะลอการเกิดริ้วรอย ร่องลึกได้ในอนาคต
การมาร์คใต้ตา เหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่มีปัญหาผิวใต้ตาแห้งกร้าน แต่งหน้าแล้วตกร่อง
- ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาดำคล้ำ จากแสงแดด รวมไปถึงการนอนดึก
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตาเล็กน้อย
- ผู้ที่มีปัญหาเพิ่มความผ่อนคลายให้แก่ดวงตา แก้ปัญหาตาอ่อนล้าจากการมองจอหรือแสงไฟ
มาร์คใต้ตามีกี่แบบ
ในปัจจุบันมาร์คใต้ตาที่สามารถพบได้นั้นมีทั้งหมด 2 แบบหลักๆ คือแบบหน้ากากและแบบตัวซี (C) ซึ่งทั้งสองแบบนั้นจะแตกต่างกับเพียงแค่รูปร่างลักษณะเท่านั้น
- แบบหน้ากาก จะมีลักษณะคล้ายกับหน้ากากแฟนซีที่จะปิดที่ดวงตาทั้ง 2 ข้าง โดยแผ่นมาร์คจะปิดทั้งบริเวณใต้ตาและเปลือกตาบน และจะมีรูดวงตาไว้ให้สำหรับมองเห็น
- แบบตัวซี จะมีลักษณะคล้ายรูปตัวซีที่จะปิดได้แค่ผิวใต้ตาเท่านั้น ซึ่งมาร์คแบบนี้จะมีราคาที่ถูกกว่าแบบหน้ากาก
แนะนำวิธีมาร์คใต้ตา อย่างไรให้ได้ผล
การมาร์คใต้ตานั้นจะมีวิธีและเทคนิคในการมาร์คอยู่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ซึ่งวิธีการมาร์คใต้ตาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมีดังนี้
- วางแผ่นมาร์คในตำแหน่งที่เหมาะสม
โดยแผ่นมาร์คนี้จะมีลักษณะรูปทรงที่โค้งเว้ารับกับผิวใต้ตา ดังนั้นจึงควรวางมาร์คโดยทำการให้ส่วนปลายเฉียงขึ้นเล็กน้อยให้รับกับส่วนโค้งในบริเวณใต้ตา - ไม่ควรใช้มาร์คใต้ตานานเกินไป
การมาร์คใต้ตานั้นก็คล้ายกับการมาร์คผิวหน้าทั่วๆ ไปที่จะมีระยะเวลาที่เหมาะสมต่อการมาร์คในแต่ละครั้งไว้อยู่ซึ่งหากทิ้งแผ่นมาร์คไว้นานเกินไปจะทำให้แผ่นมาร์คดึงความชุ่มชื้นของผิวกลับมา ทำให้ผิวแห้งกร้านกว่าเดิมได้ - งดตากลมในขณะมาร์คใต้ตา
เนื่องจากการตากพัดลมนั้นจะทำให้แผ่นมาร์คเกิดการแห้งตัวจนทำให้ความชุ่มชื้นในแผ่นมาร์คจางหายไป ทำให้หลังมาร์คไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการนั่นเอง - นวดผิวใต้ตาเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
หลังจากที่ครบเวลาในการมาร์คและนำเอาแผ่นมาร์คออกแล้ว ให้ใช้ปลายนิ้วนางในการช่วยนวดกดจุดอย่างเบามือเริ่มตั้งแต่หัวตาไปยังหางตาเพื่อให้ตัวสารบำรุงสามารถซึมลงสู่ผิวได้ดี นอกจากนั้นยังเป็นการช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดทำให้ลดอาการเลือดคั่งใต้ตาที่เป็นสาเหตุของใต้ตาดำคล้ำได้ดี - ไม่ควรใช้มาร์คใต้ตาบ่อยเกินไป
การมาร์คหน้าไม่จำเป็นจะต้องทำบ่อยๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วแนะนำให้มาร์คในช่วงเวลาก่อนนอนเพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็เพียงพอแล้ว - ควรทำความสะอาดผิวก่อนมาร์คใต้ตา
อีกข้อสำคัญเลยก็คือห้ามมาร์คใต้ตาในขณะที่มีเครื่องสำอางอยู่บนหน้าอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้สิ่งสกปรกเกิดการอุดตันจนทำให้เกิดปัญหาสิวขึ้นได้ - เช็คส่วนผสมที่ควรมีอยู่ในมาร์คใต้ตา
ส่วนผสมในมาร์คใต้ตานั้นถือว่าสำคัญมากๆ เนื่องจากสารแต่ละตัวต่างๆ ก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป โดยสารหลักๆ ที่พบได้มี ดังนี้- กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic) : ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นให้แก่ผิว
- วิตามินซี (Vitamin C) : ช่วยเพิ่มความกระจ่างใส ช่วยชะลอความแก่ ชะลอริ้วรอยแห่งวัย
- อนุพันธุ์วิตามินเอหรือเรตินอล (Retinol) : ช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึก รวมไปถึงช่วยแก้ปัญหาความหมองคล้ำปรับผิวให้กระจ่างใส
- วิตามินอี (Vitamin E) : ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น และช่วยลดอาการอักเสบของผิว
- เปปไทด์ (Peptide) : ช่วยล็อคความชุ่มชื้นไว้ใต้ผิว ทำช่วยทำให้เกราะป้องกันผิวมีความแข็งแรงขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยลดเลือนริ้วรอย
วิธีเลือกมาร์คใต้ตาให้เหมาะกับปัญหาของเรา
แน่นอนว่าการเลือกมาร์คใต้ตานั้นก็คล้ายกับการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว โดยควรเลือกให้เหมาะกับปัญหาที่เรามี ดังนี้
- ใต้ตาแห้งกร้าน : ควรเลือกมาร์คที่มีส่วนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic) และวิตามินอี (Vitamin E)
- ใต้ตาดำคล้ำ : ให้ใช้มาร์คใต้ตาที่มีส่วนช่วยในการปรับเพิ่มความกระจ่างใสเช่น วิตามินซี (Vitamin C)
- ใต้ตามีริ้วรอย : แนะนำให้ใช้มาร์คใต้ตาที่มีส่วนผสมของกลุ่มอนุพันธุ์วิตามินเอหรือเรตินอล (Retinol) และกลุ่มกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic)
- ใต้ตาบวม : ควรเลือกมาร์คใต้ตาที่มีส่วนช่วยในการปลอบประโลมผิวอย่างกลุ่มกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic)และส่วนผสมของสารช่วยลดบวมอย่าง ว่านหางจระเข้และแตงกวาเป็นต้น
นอกจากการมาร์คใต้ตาแล้วมีวิธีไหนที่ช่วยบำรุงใต้ตาได้อีกบ้าง
หากจะให้พูดถึงวิธีการบำรุงผิวใต้ตาอย่างเร่งด่วนนั้นก็ต้องนึกถึงหัตถการยอดนิยม 3 อย่างเช่น
ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหัตถการเมโสที่ตัวยาประกอบไปด้วยสารบำรุงมากมายอาทิเช่น กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic acid), กรดอะมิโนเปปไทด์ Co-Q19, กรดนิวคลิอิก, สารต้านอนุมูลอิสระ และอาหารผิวอีก 53 ชนิด ที่จะช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและคืนความกระจ่างใส พร้อมปรับผิวใต้ตาให้มีความแข็งแรงขึ้น
ที่จะใช้การฉีดสารเติมเต็มอย่างกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic) ฉีดเข้าไปยังชั้นผิว จึงเหมาะสำหรับใครที่มีปัญหาร่องใต้ตาลึก มีริ้วรอยรอบๆ ดวงตา มีปัญหาถุงใต้ตาที่ใหญ่ชัด และยังช่วยแก้ปัญหาใต้ตาหมองคล้ำ สาเหตุที่ทำให้ใบหน้าดูโทรมได้ดีอีกด้วย
3. ร้อยไหมใต้ตา
วิธีนี้จะใช้การร้อยเส้นไหมละลายวัสดุ PDO แบบเรียบ (Mono) เข้าไปยังชั้นผิวและทำการดึงผิวขึ้น วิธีนี้นอกจากจะช่วยทำให้ผิวใต้ตามีความเรียบเนียนแล้วตัวไหมยังเข้าไปทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวให้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวใต้ตามีความแน่น และยืดหยุ่นทั้งยังช่วยเรื่องใต้ตาดำคล้ำได้ดีอีกด้วย
คำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาร์คใต้ตา
1. มาร์คใต้ตาควรทำตอนไหน
แนะนำให้ทำในช่วงก่อนนอนหลังจากที่ล้างหน้าเสร็จแล้ว ซึ่งสามารถมาร์คใต้ตาหลังจากที่ผ่านขั้นตอนโทนเนอร์หรือเอสเซนต์ได้เลย และหลังจากมาร์คเสร็จแล้วแนะนำให้ทาอายครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นอีกขั้นตอน
2. มาร์คใต้ตา อันตรายไหม
ไม่มีความอันตรายเลยหากเลือกใช้มาร์คยี่ห้อที่มีการผ่านการรับรองจากทางอย.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ข้อสำคัญคือห้ามทำให้ตัวสารต่างๆ ในมาร์คเข้าอย่างเด็ดขาดเนื่องจากอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้
3. มาร์คใต้ตา ต้องทำกี่นาที ทิ้งไว้ข้ามคืนได้ไหม
ในการมาร์คใต้ตาแต่ละครั้งนั้นแนะนำให้แปะแผ่นมาร์คทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีและไม่แนะนำให้มาร์คทิ้งไว้แบบข้ามคืนอย่างเด็ดขาดเพราะจะทำให้ผิวแห้งกว่าเดิม
4. มาร์คใต้ตา ต้องทำกี่ครั้งต่อสัปดาห์
แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งในช่วงก่อนนอนก็เพียงพอ แต่หากว่าต้องการฟื้นบำรุงผิวอย่างเร่งด่วนสามารถทำทุกวัน วันละ 1 ครั้งในช่วงก่อนนอนได้
5. มาร์คใต้ตา ต้องล้างออกไหม
ในปัจจุบันแผ่นมาร์คใต้ตาที่มีวางขายตามท้องตลาดนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องล้างออกหลังทำ ซึ่งวิธีการมาร์คก็จะคล้ายคลึงกับการมาร์คหน้าทั่วไปเลย
6. มาร์คใต้ตา ต้องแช่ตู้เย็นก่อนไหม
วิธีการมาร์คใต้ตานั้นไม่จำเป็นจะต้องนำแผ่นมาร์คไปเข้าตู้เย็นก่อน โดยสามารถเก็บไว้ในห้องอุณหภูมิปกติได้เลยแต่หากต้องการลดอาการบวมและอยากเพิ่มความผ่อนคลายระหว่างมาร์คก็สามารถนำแผ่นมาร์คไปแช่ตู้เย็นก่อนได้เช่นกัน
สรุป
การมาร์คใต้ตาถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการบำรุงผิวบริเวณใต้ตาให้กลับมามีความชุ่มชื้น และช่วยแก้ปัญหาใต้ตาดำคล้ำได้ ทั้งยังมีส่วนช่วยในการชะลอริ้วรอยในอนาคต และในปัจจุบันได้มีอีกหนึ่งนวัตกรรมอย่างไซโตแคร์ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงผิวใต้ตาได้อย่างรวดเร็วกว่าการมาร์คใต้ตา