อาการคันน้องสาว เกิดจากอะไร? มีวิธีแก้และป้องกันอย่างไรบ้าง
คันน้องสาว หรือ อาการคันบริเวณอวัยวะเพศหญิง เป็นอาการที่อาจทำให้สาว ๆ หลายคนเกิดความรำคาญและรู้สึกหงุดหงิด ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่คิดว่าอาการคันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ จึงทำให้มองข้ามเรื่องนี้ไป จนไม่เคยรู้เลยว่าอาการคันที่เกิดขึ้นอาจนำไปสู่อาการช่องคลอดอักเสบ บวมแดง และเกิดการติดเชื้อได้
อาการคันอวัยวะเพศหญิงที่ภายนอกนั้น สามารถเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การติดเชื้อ หรือเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงการใส่เสื้อผ้าอับชื้นเป็นเวลานานได้อีกด้วย นอกเหนือจากอาการคันแล้ว ในบางรายอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น แสบขัดในขณะปัสสาวะ หรือมีอาการตกขาว
คันน้องสาว เกิดจากอะไร?
สาเหตุของอาการคันบริเวณน้องสาว หรือการคันบริเวณจุดซ่อนเร้นของสาวๆ สามารถขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งมีทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยที่มาจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนของร่างกาย การติดเชื้อบริเวณช่องคลอด หรืออาการคันที่มาจากการใช้ผลิตภัณฑ์จุดซ่อนเร้นสูตรที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว ผลิตภัณฑ์
ทำความสะอาดผิวที่ใช้มีส่วนผสมของสารเคมี รวมถึงการกำจัดขนน้องสาวแบบผิดวิธี ซึ่งสามารถจำแนกสาเหตุหลักของอาการคันน้องสาวจึงจำแนกออกเป็น 2 ประการดังนี้
ปัญหาสุขภาพ
สุขภาพเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากปัจจัยที่สามารถควบคุมได้ยาก แต่ก็สามารถรักษาให้อาการดีขึ้นได้ เช่น
- ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน(ฮอร์โมนเพศหญิง) ลดลง ส่งผลให้ช่องคลอดแห้งจนน้องสาวมีอาการคันได้
- ภาวะช่องคลอดอักเสบ ที่เกิดขึ้นจากการไม่สมดุลของแบคทีเรีย ซึ่งอาจส่งผลทำให้คันบริเวณน้องสาวหรือช่องคลอด และบางรายอาจมีอาการตกขาวเป็นสีขาวหรือเทาขุ่นมีกลิ่นเหม็น
- โรคผิวหนังอักเสบที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ มักจะทำให้มีผื่นแดงลุกลามไปทั่วร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลทำให้บริเวณน้องสาวมีอาการคันได้
- การติดเชื้อราในช่องคลอด ซึ่งจะส่งผลให้มีตกขาวเป็นก้อนไหลออกมาจากช่องคลอด มีอาการคัน และรู้สึกแสบร้อน
- โรคหนองในแท้ หนองในเทียม เป็นโรคเกิดขึ้นจากการติดเชื้อทริโคโมแนส จากทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาจทำให้ตกขาวมีสีเหลือง สีเขียว และเกิดอาการคันน้องสาวร่วมด้วย
- มะเร็งปากมดลูก ซึ่งผู้ป่วยมักจะมีอาการคันช่องคลอด เจ็บปวดที่ปากมดลูก และมีเลือดออกร่มด้วย
พฤติกรรมการใช้ชีวิต
พฤติกรรมในชีวิตประจำวันถือเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคันน้องสาวได้ หากขาดความระมัดระวังและจนทำให้เกิดการผิดพลาดต่างๆดังนี้
- การกำจัดขนน้องสาวแบบผิววิธี อาจจะด้วยการโกนขนน้องสาว การแว็กซ์ขน หรือการใช้น้ำยากำจัดขนที่มีส่วนประกอบของสารเคมี จึงทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิว จนทำให้รู้สึกคันน้องสาวโดยเฉพาะเวลาขนขึ้นใหม่
- การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น เนื่องจากจุดซ่อนเร้นเป็นบริเวณที่ต้องการความอ่อนโยนมากที่สุด ดังนั้นหากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ก็จะทำทำให้เกิดอาการคันที่บริเวณน้องสาวได้เช่นกัน
- สวมใส่ชุดชั้นในที่รัดแน่นเกินไป อาจทำให้เกิดการเสียดสี การระบายอาการที่ไม่สะดวก จนทำให้เกิดการอับชื้น และเกิดการระคายเคืองบริเวณน้องสาวได้
- การระคายเคืองจากผ้าอนามัย หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเสื้อผ้า ที่มีส่วนประกอบของน้ำหอมอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ และคันน้องสาวได้เช่นกัน
อาการคันน้องสาว มีกี่แบบ
เนื่องจากอาการคันน้องสาวหรืออาการคันจิมิของผู้หญิงมีหลายสาเหตุที่แตกต่างกันดังนั้นจึงสามารถแบ่งอาการคันน้องสาวออกเป็น 2 แบบหลักๆ ได้แก่
แบบติดเชื้อ
อาการคันน้องสาวแบบติดเชื้อ เป็นอาการคันที่มักมีอาการอื่นๆ เช่นมีอาการคันร่วมกับตกขาว น้องสาวมีกลิ่นกลิ่นเหม็น หรือตกขาวจะมีลักษณะคล้ายโยเกิร์ตจากเชื้อรา มีอาการคัน แสบคัน หรือปวดร้อน ถ้าเป็นเชื้อรา และมีอาการคัน ซึ่งแนะนำให้เข้ารับการตรวจกับนรีเวช เพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้อง และป้องกันไม่ให้อาการติดเชื้อของน้องสาวลุกลามไปมากกว่าเดิม
แบบไม่ติดเชื้อ
อาการคันน้องสาวแบบไม่ติดเชื้อ เกิดการระคายเคืองผิวที่ผิวหนังบริเวณน้องสาว หรือบริเวณจิมิ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการเสียดสีของสาวกับกางเกงในที่รัดแน่นเกินไป การใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีสารเคมี หรือน้ำหอมที่รุนแรง การไม่เช็ดทำความสะอาดน้องสาวหลังเข้าห้องน้ำจนเกิดการอับชื้น และการกำจัดขนบริเวณน้องสาวอย่างผิดวิธี ซึ่งทั้งหมดนี้มักเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการคันน้องสาวตามมา
อาการคันจากโรคประจำตัว
โรคประจำตัวบางโรคก็มักจะมีการแสดงอาการออกมาในลักษณะการคันน้องสาวได้ เช่น กลุ่มโรคสะเก็ดเงิน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคผิวหนังและโรคภูมิแพ้เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้จะต้องรักษาด้วยการทานยารักษาโรคและปฏิบัติตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
วิธีแก้อาการคันน้องสาว
วิธีการรักษาอาการคันบริเวณน้องสาวขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ แต่สามารถลองใช้วิธีรักษาอย่างง่ายๆ ได้ดังนี้
1. ทานยา
การทานยาปฏิชีวนะ ที่อยู่ในกลุ่มเมโทรนิดาโซล (Metronidazole) และคลินดามัยซิน (Clindamycin) หรือยาฟลูโคนาโซล (Fluconazole) จะช่วยรักษาอาการคันน้องสาวจากการติดเชื้อรา และรักษาอาการคันจากการติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งจะช่วยรักษาอาการคันของน้องสาวลงได้
2. พบแพทย์
การเข้าพบแพทย์หรือนรีเวช เพื่อตรวจภายในอย่างละเอียดจะทำให้ได้รับการวินิจฉัยอย่างแม่นยำ เพื่อให้สามารถรักษาได้อย่างตรงจุด และไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยากับตัวของคนไข้ โดยเฉพาะหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ซึ่งควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และสังเกตอาการหลังการรักษาอย่างเคร่งครัด
3. ใช้ยาเหน็บช่องคลอด
การใช้ยาเหน็บช่องคลอด เป็นการรักษาที่อยู่ในกลุ่มของโคลไตรมาโซล (Clotrimazole) สอดตัวยาเข้าไปในช่องคลอด ซึ่งตัวยาจะละลายและถูกดูดซึมเพื่อออกฤทธิ์ในการรักษาการติดเชื้อราในช่องคลอด หรือภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดอาการคันน้องสาว ลดการแสบร้อนช่องคลอด และตกขาวโดยตรง
4. ใส่กางเกงชั้นในที่ไม่รัดแน่น
การใส่กางเกงชั้นในที่ไม่รัดแน่น สวมใส่สบายโดยเลือกเนื้อผ้าที่มีการถ่ายเทของอากาศได้ดี จะช่วยลดอาการคันของน้องสาวลงได้ เพราะจะช่วยลด การเกิดความอับชื้นที่เป็นต้นเหตุของการสะสมเชื้อราในบริเวณน้องสาว นอกจากนี้การสวมกางเกงในที่รัดแน่นยังทำให้แรงเสียดสีระหว่างกางเกงในกับน้องสาว(จิมิ) ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
5. ล้างทำความสะอาดและซับให้แห้งทุกครั้ง
การล้างทำความสะอาดน้องสาวด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่อ่อนโยน และซับเบาๆให้แห้งอยู่เสมอ โดยเฉพาะในระหว่างมีประจำเดือน จะช่วยลดการอับชื้นซึ่งอาจทำให้เกิดการสระสมของเชื้อรา หรือแบคทีเรียในช่องคลอดที่ทำให้มีอาการตกขาว มีอาการคัน แสบ และเกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
6. ควรงดใช้กระดาษชำระหรือน้ำยาล้างน้องสาวที่มีส่วนผสมของน้ำหอม
การใช้กระดาษชำระหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดน้องสาวที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ และกลีเซอรีน อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณน้องสาวจนมีผื่นแดง บวม คัน และเจ็บตามมาได้ ดังนั้นแนะนำให้เลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดน้องสาวโดยเฉพาะที่มีความอ่อนโยน เนื่องจากผิวของน้องสาวมีความบอบบางและ sensitive มากกว่าผิวหนังปกติทั่วไป
7. เปลี่ยนวิธีการกำจัดเส้นขน
การกำจัดขนบริเวณน้องสาวก็มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงที่จะทำให้ผิวหนังได้รับการระคายเคือง ไม่ว่าจะเป็นการกำจัดขนด้วยการโกนขน การแว็กซ์ขน หรือการใช้น้ำยากำจัดขน ซึ่งหลังทำผิวหนังมักมีผืนแดง เป็นตุ่มคัน และบางรายอาจจะรู้สึกคันอย่างรุนแรงเมื่อเริ่มมีขนขึ้นใหม่ ซึ่งหากใครที่ไม่อยากเจอกับปัญหานี้สามารถหันมาใช้วิธีการกำจัดขนด้วยเลเซอร์แทนได้ (แนะนำอ่านเพิ่มเติม : 7 วิธีกำจัดขนน้องสาว ไม่คัน เจ็บน้อย วิธีไหนให้ผลลัพธ์แบบธรรมชาติ)
8. การเลือกรับประทานอาหาร
- โยเกิร์ต จะอุดมไปด้วยโปรไบโอติกส์ ซึ่งเป็นแบคทีเรียดีที่ยังมีชีวิต ซึ่งสามารถช่วยปรับสมดุลในช่องคลอด และลดการเกิดเชื้อราได้อีกด้วย
- เมล็ดธัญพืชและถั่วต่างๆ เช่น วอลนัท เมล็ดอัลมอนด์ เฮเซลนัท และเมล็ดทานตะวัน จะอุดมไปด้วยวิตามินอีสูง ซึ่งมีส่วนช่วยไม่ทำให้ช่องคลอดแห้ง และในเมล็ดธัญพืชและถั่วนั้นยังมีสังกะสีและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่จะช่วยทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติอีกด้วย
- น้ำแครนเบอร์รี มีประโยชน์มากกับ กระเพาะปัสสาวะ เนื่องจากช่วยฆ่าเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดได้ด้วย
- ผักสดและผลไม้ โดยเฉพาะผักใบเขียวอย่างพวก กะหล่ำปลีและผักโขม และผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง หรือมะนาว ที่นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว ยังป้องกันไม่ให้ช่องคลอดแห้ง ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการคันน้องสาวได้อีกด้วย
- กระเทียม มีฤทธิ์ต้านเชื้อราและต้านจุลินทรีย์ ช่วยในการรักษาอาการคันน้องสาวจากการติดเชื้อราและยีสต์ในช่องคลอดได้
อาการคันน้องสาวภายนอกและคันภายในแตกต่างกันไหม?
อาการคันน้องสาวภายนอกและภายในอาจมีสาเหตุที่แตกต่างกัน จึงทำให้ลักษณะอาการมีความแตกต่างกันออกไป เช่น
- อาการคันที่เกิดขึ้นภายนอกน้องสาว โดยทั่วไปมักจะมีลักษณะเป็นผื่น แดง หรือบวม หากมีการระคายเคืองมากๆอาจทำให้ผิวหนังแห้ง ลอก จนอาจเกิดแผล มีเลือดออกมากับการปัสสาวะหรือมีกลิ่นที่ผิดปกติได้
- อาการคันภายในน้องสาว โดยส่วนมากมักจะมีอาการคันยุบยิบที่บริเวณภายในอวัยวะเพศ หรือภายในช่องคลอด มีลักษณะเป็นความรู้สึกอักเสบ ปวด แสบ และมีอาการอื่นๆร่วมกับอาการคัน
วิธีการดูแลตัวเองเมื่อมีอาการคันน้องสาว
การดูแลตัวเองเมื่อมีอาการคันน้องสาวนั้นมีหลายวิธี แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องดูแลให้เหมาะสมกับสาเหตุและความรุนแรงของอาการที่เป็น เช่นหากอาการคันน้องสาวไม่รุนแรงหรือไม่ได้เกิดจากสาเหตุที่ร้ายแรง ก็สามารถดูแลตัวเองตามขั้นตอนดังนี้เพื่อบรรเทาอาการ
- พบแพทย์ตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด เพื่อการรักษาที่ตรงจุด
- ทานยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นกับน้องสาวโดยเฉพาะ
- ควรใช้กระดาษชำระที่มีเนื้อสัมผัสอ่อนนุ่มซับน้องสาวให้แห้งหลังการเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเช็ดตัวที่แข็งแรงเกินไปเช็ดบริเวณน้องสาว
- ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ และแนะนำให้ล้างน้องสาวทุกครั้งหลังมีเพศสัมพันธ์
- หลีกเลี่ยงการใส่ผ้าอนามัยชนิดสอดเข้าไปในช่องคลอด เพราะจะเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคภายในช่องคลอดได้
- ห้ามเกาบริเวณน้องสาว เพราะอาจทำให้เกิดบาดแผลหรือเพิ่มการระคายเคือง
หากมีอาการคันน้องสาวมาก และอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่นมีอาการตกขาว มีเลือดออกในช่องคลอด ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจภายใน เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของโรคร้าย เช่น มะเร็งปากมดลูก
การป้องกันอาการคันน้องสาว
- สวมกางเกงในที่มีเนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี และไม่ควรใส่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี ส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือน้ำหอม กับบริเวณน้องสาวเพื่อป้องกันการระคายเคืองของผิว
- ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น อาทิเช่น ผ้าเช็ดตัว หรือกางเกงชั้นใน
- ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ 4 ชั่วโมงในช่วงที่มีประจำเดือน
- ควรล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศทุกครั้งก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์
- ระมัดระวังเรื่องความสะอาดหากจำเป็นต้องเข้าห้องน้ำสาธารณะ
- รับประทานอาหารที่ช่วยรักษาสมดุลความเป็นกรดด่างในช่องคลอด เช่น โยเกิร์ตหรืออาหารเสริมที่มีแลตโตบาซิลลัส
คำถามที่พบบ่อย
คันน้องสาวกี่วันหาย?
ระยะเวลาการคันน้องสาวจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ ซึ่งโดยทั่วไปมักพบว่าอาการคันจะดีขึ้นใน 7 วัน
อาการคันร่วมกับตกขาวเกิดจากอะไร?
ส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อราในช่องคลอด ซึ่งจะทำให้ตกขาวมีลักษณะเป็นสีขาวข้น นอกจากนี้อาจทำให้มีอาการคันน้องสาว และอาจมีผื่นแดงที่น้องสาวได้อีกด้วย
คันน้องสาวอันตรายไหม?
อาการคันน้องสาวแบบภายนอกและภายในถึงแม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสุขลักษณะของสาวๆได้ ดังนั้นหากมีอาการคันที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศหญิง จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
คันน้องสาวสามารถหายเองได้ไหม?
สามารถหายไปเองได้ในกรณีที่เกิดการติดเชื้อราที่ไม่รุนแรง หรือเป็นการคันบริเวณภายนอกที่อาจเกิดจากการอับชื้น ต่างๆ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการดูแลความสะอาดให้ดี งดการใช้ผลิตภัณฑ์ล้างน้องสาวและควรซับน้องสาวให้แห้งหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
อาการคันแบบไหนที่ควรไปพบคุณหมอ
หากสาวๆพบว่าตัวเองกำลังมีอาการคันน้องสาว ในลักษณะของการบาดเจ็บในช่องคลอด หรือมีการติดเชื้อ ที่ทำให้น้องสาวเกิดอาการบวม แดง มีหนองที่เกิดขึ้นในช่องคลอด มีอาการปวดหรือคันแสบ มีก้อนเนื้อในมดลูก (fibroid) หรือมีอาการอื่นที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันของร่างกาย เช่น สงสัยว่าจะสาเหตุการติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์ (STIs) ควรรีบไปพบแพทย์เพราะหากมีการติดเชื้อที่รุนแรงซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
สรุป
อาการคันน้องสาวอาจเกิดขึ้นได้ทั้งภายในและภายนอก ซึ่งมีสาเหตุที่แตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันและดูแลตัวเองที่ดีที่สุดควรมีการปรับการใช้ชีวิต เช่น หลีกเลี่ยงการกินยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็น เลือกใส่กางเกงในที่ผ้าโปร่งสบายเพื่อลดความอับชื้น การล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศและเช็ดให้แห้งทุกครั้งหลังการเข้าห้องน้ำ และเลือกใช้วิธีกำจัดขนน้องสาวที่อ่อนโยนไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวอย่างการทำเลเซอร์ขนน้องสาวก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่จะช่วยป้องกันปัญหาคันน้องสาวได้ในระยะยาว
เอกสารอ้างอิง
What Is Vaginal Itching? Symptoms, Causes, Diagnosis, Treatment, and Prevention. Cathy C. October 20, 2022. (https://www.everydayhealth.com/vaginal-it)
Vaginal Itching, Burning, and Irritation. Nivin T. September 11, 2022. (https://www.webmd.com/women/guide/vaginal-itching-burning-irritation)
คันช่องคลอด สาเหตุที่ผู้หญิงควรรู้ และวิธีดูแลอาการ (pobpad.com)