ปากทรงมาสด้า คืออะไร? มีลักษณะอย่างไร? ทำไมถึงฮิต
อีกหนึ่งเทรนด์ยอดฮิตที่มีมานานหลายปีและไม่มีวี่แววของการเลิกฮิตสักทีอีกอย่างก็คือเทรนด์การทำปากทรงมาสด้า เพราะถือเป็นเทรนด์การรูปปากที่มาแรงและเหมาะกับรูปปากของสาวๆ เอเชียแบบเราอย่างมาก แต่แน่นอนว่าก็คงจะมีใครหลายๆ คนที่เกิดข้อสงสัยขึ้นว่าปากทรงมาสด้าคืออะไร มีลักษณะอย่างไรในบทความนี้เราจะมาให้คำตอบนั้นกัน
ปากทรงมาสด้า คืออะไร?
เป็นลักษณะรูปทรงปากรูปทรงหนึ่งที่กำลังมาแรงอย่างมาก ทรงปากมาสด้านั้นถือเป็นหนึ่งในทรงปากแบบกระจับ (Cherry Kysse) ที่คล้ายกับโลโก้ของยี่ห้อรถยี่ห้อหนึ่ง ทำให้ถูกคนไทยเราเรียกว่าทรงปากมาสด้านั่นเอง ซึ่งจริงๆ แล้วคำว่าทรงปากมาสด้านั้นถือว่าเป็นเพียงชื่อเรียกที่แพร่หลายในไทยเท่านั้น
ลักษณะของรูปปากทรงมาสด้า
รูปทรงของเทรนด์ปากมาสด้าคือจะมีลักษณะของริมฝีปากบนคล้ายกับรูปตัวเอ็ม (M) มีริมฝีปากล่างส่วนตรงกลางที่มีความเอิบอิ่มและมีรอยเว้าเข้าในส่วนของตรงกลาง มีลักษณะของมุมปากที่ยกขึ้น มีส่วนติ่งของปากที่แหลมลงมาแบบชัดเจน ซึ่งมองเผินจะคล้ายกับทรงปากกระจับจะมีรูปทรงที่โค้งเว้าที่ชัดเจนกว่าปากทรงกระจับ
ใครเหมาะกับการทำปากทรงมาสด้าบ้าง
- ผู้ที่มีริมฝีปากที่บาง ปากคว่ำ มุมปากตก และต้องการปรับรูปปากให้ดูอวบอิ่มสวยงาม
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปปากให้มีความสวยหวาน น่ามอง น่าสัมผัสมากยิ่งขึ้น
- ผู้ที่มีริมฝีปากเดิมที่ตรง ไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งจนทำให้ใบหน้าดูดุและแก่กว่าวัย
- ผู้ที่มีปัญหาเนื้อปากของทั้งสองข้างไม่เท่ากัน ทำให้มีรูปปากที่ไม่ได้สัดส่วนเข้ารูป
วิธีทำปากรูปทรงมาสด้า มีอะไรบ้าง
หากจะให้พูดถึงวิธีการทำปากทรงมาสด้านั้นก็ต้องบอกเลยว่ามี 2 วิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากนั้นก็คือ การฉีดฟิลเลอร์และการผ่าตัดทำศัลยกรรม
ฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปทรงปาก
คือการฉีดสารเติมเต็มประเภท HA หรือ Hyaluronic acid ที่เป็นสารที่ถูกสกัดขึ้นมาจากธรรมชาติ เพื่อให้สารเหล่านั้นเข้าไปทำหน้าที่แทนคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวมีความเต็มและเอิบอิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นนอกจากจะช่วยปรับรูปปากให้ได้ตามใจชอบแล้วยังมีส่วนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปากได้ดีอีกด้วย
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ปาก |
---|
1. สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังฉีด 2. มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากฟิลเลอร์มีความบริสุทธิ์และไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย 3. หลังทำไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็นหลังทำ 4. ใช้ระยะเวลาในการทำไม่นาน และมีข้างเคียงที่ต่ำมากๆ หรือในบางรายอาจไม่มีผลข้างเคียงเลย 5. ตัวฟิลเลอร์มีส่วนผสมของยาชาทำให้ตอนทำไม่รู้สึกเจ็บ |
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ปาก |
---|
1. ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์แบบถาวรได้ 2. หลังจากที่ฉีดไปนานๆ จะต้องมีฉีดเติมเพื่อคงผลลัพธ์ 3. ไม่เหมาะกับคนแพ้สารไฮยาลูรอนิค เอซิด |
ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดปากมาสด้า
ในปัจจุบันได้มียี่ห้อให้เราได้เลือกอยู่มากมายหลายยี่ห้อ ซึ่งแต่ละยี่ห้อต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป โดยที่กังนัมคลินิกเราขอแนะนำทั้งหมด 4 ยี่ห้อดังนี้
- Neuramis จากประเทศเกาหลี ถือเป็นฟิลเลอร์ยี่ห้อถูกและดีที่แพทย์หลายๆ คนแนะนำแต่มีข้อเสียคือเห็นผลได้น้อยกว่ายี่ห้ออื่นๆ โดยสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 8 เดือน โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดปากคือ Neuramis Deep Lidocaine
- Belotero จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความไว้วางใจอย่างแพร่หลายด้วยเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความนิ่มและคงตัวสูงมีโอกาสเป็นก้อนได้ต่ำ โดยสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดปากคือ Belotero Balance (สีส้ม) และ Belotero Soft (สีเหลือง)
- Restylane จากประเทศสวีเดน ถือเป็นยี่ห้อฟิลเลอร์แบรนด์แรกของโลก ที่มีเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง เห็นผลนาน และไม่จับตัวเป็นก้อน ซึ่งสามารถอยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดปากคือ Restylane Kysse
- Juvederm ฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกาจุดเด่นคือมีความชุ่มชื้นสูง มีเนื้อนิ่มและยึดเกาะผิวได้ดี เหมาะมากกับคนที่ต้องการปรับรูปปากให้มีความอวบอิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถอยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน โดยรุ่นที่เหมาะกับการฉีดปากคือ Juvederm Ultra Plus, Juvederm Voluma และ Juvederm Volite
อ่านบทความเพิ่มเติม : เลือกฉีดฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี? ให้เหมาะกับปากแต่ละทรง
ผ่าตัดศัลยกรรมปาก
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากนั้นก็คือการผ่าตัดศัลยกรรม ซึ่งในยุคนี้ก็ได้มีวิธีและเทคนิคการผ่าตัดที่มากมายทำให้ช่วยปรับรูปปากได้หลากหลายแบบตามที่คนไข้ต้องการ แต่แน่นอนว่าทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับรูปปากเดิมด้วยว่าจะสามารถผ่าตัดตกแต่งออกมากน้อยแค่ไหน
ข้อดีของการผ่าตัดศัลยกรรมปาก |
---|
1. สามารถเห็นผลที่ถาวรยาวนาน 2. สามารถผ่าตัดปรับเปลี่ยนรูปทรงปากได้หลายแบบมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์ 3. หลังทำไม่ต้องนอนโรงพยาบาล |
ข้อเสียของการผ่าตัดศัลยกรรมปาก |
---|
1. ทำแล้วหากไม่พอใจผลลัพธ์จะทำให้แก้ไขได้ยาก 2. หลังทำต้องมานั่งดูแลให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็น 3. มีราคาที่สูง |
ปากกระจับ VS ปากมาสด้าต่างกันยังไง
ในความจริงแล้วปากทรงมาสด้าถูกจัดเป็นหนึ่งในรูปทรงปากกระจับประเภทหนึ่ง แต่ว่าปากทรงมาสด้าจะมีความพิเศษกว่าตรงที่จะมีการเน้นส่วนริมฝีปากบนให้เป็นรูปตัว M ที่ชัดกว่าปากกระจับแบบทั่วไปและส่วนริมฝีปากล่างก็เน้นความอวบอิ่มให้สมส่วนกับใบหน้าของแต่ละบุคคล
ทำไมปากทรงมาสด้าถึงฮิตในไทย
- เป็นรูปปากที่เน้นความอวบอิ่ม มีการยกมุมปากให้สวยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- เป็นทรงปากที่เหมาะกับโครงหน้าคนไทยหรือคนเอเชีย
- ทรงปากมาสด้าจะช่วยทำให้ใบหน้าดูหวานละมุนมากยิ่งขึ้น
- ทรงปากมาสด้าจะช่วยทำให้องค์ประกอบโดยรวมของใบหน้าดูอ่อนหวาน น่าเข้าหามากยิ่งขึ้น
ราคาค่าทำปากทรงมาสด้าที่กังนัมคลินิก
ที่กังนัมคลินิกเรามีบริการทำปากทรงมาสด้าด้วยการฉีดฟิลเลอร์ด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้วยฟิลเลอร์ของแท้ในราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้ โดยมียี่ห้อฟิลเลอร์ให้เลือกดังนี้
- Neuramis 1 cc ราคา 5,966 บาท
- Belotero 1 cc ราคา 7,896-12,000 บาท
- Restylane 1 cc ราคา 13,693-15,000 บาท
- Juvederm 1 cc ราคา 10,693-15,000 บาท
วิธีเลือกสถานพยาบาลหรือคลินิกสำหรับทำปากทรงมาสด้า
ในการเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลสำหรับการทำปากทรงมาสด้านั้นต่างก็มีความสำคัญอย่างมาก เพราะผลลัพธ์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับฝีมือและประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำอีกด้วย
- คลินิกหรือสถานพยาบาลต้องเปิดให้บริการอย่างถูกกฎหมาย
- ผู้ทำการรักษาจะต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์
- คลินิกหรือสถานพยาบาลต้องมีช่องทางการติดต่อหรือสถานที่ที่ชัดเจน
- ไม่ควรทำกับหมอกระเป๋าอย่างเด็ดขาด
- คลินิกหรือสถานพยาบาลต้องมีการระบุหรือชี้แจงค่ารักษาอย่างครบถ้วนและอย่างละเอียดก่อนทำ
- คลินิกหรือสถานพยาบาลควรมีบริการดูแลหลังทำ เพื่อให้ข้อมูลและคำปรึกษาแก้คนไข้ทุกเคสหลังทำ
สรุป
ปากทรงมาสด้าคืออีกหนึ่งเทรนด์รูปปากที่มาแรงอย่างมากในปัจจุบันด้วยลักษณะรูปทรงคล้ายกับโลโก้ยี่ห้อรถยนต์แบรนด์หนึ่ง ที่มีลักษณะรูปปากที่อวบอิ่มมีริมฝีปากบนโค้งเว้าคล้ายรูปตัวเอ็ม (M) ซึ่งวิธีการทำปากทรงมาสด้านั้นหลักๆ ก็คือการฉีดฟิลเลอร์และผ่าตัดศัลยกรรมปาก โดยทั้งสองวิธีต่างมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไปรวมไปถึงตัวราคาค่าใช้จ่ายอีกด้วย